Skip to main content

Post#4-188: เอ๊ะ! มันเกิดจากอะไรกันหนอ?

Post#4-188:
เรื่องที่ผมต้องคอยลุ้นอยู่เสมอ จากการที่ต้องเดินทางบ่อยๆ ก็คือ "อาหารบนเครื่องบิน"

กว่า 20 ประเทศ นับเป็นหลายร้อยเที่ยวบิน ที่ผมเดินทาง...น้อยกว่าน้อย ที่ผมทานอาหารบนเครื่องบินจนหมด

แน่นอนว่า สาเหตุหลักๆ ก็คือ อาหารบนเครื่องมักจะ "ไม่อร่อย"

แต่สาเหตุที่ทำให้ไม่อร่อยน่ะ คืออะไรกันหนอ?

...

ว่าแล้ว ผมก็ลองไปคุ้ยข้อมูลดู และพบว่า

หนึ่ง...เนื่องจากความกดอากาศที่เปลี่ยนไป ทำให้ความอยากอาหารของเราลดลง...ว้าว อันนี้ไม่เคยรู้มาก่อน

สอง...ก็โดยมาก บิน Economy Class จะไปคาดหวังอะไรมากมายกับอาหารที่เสิร์ฟ...ถ้าอีกหน่อยมีโอกาสบินด้วย Business Class หรือ First Class จะลองเก็บข้อมูลดู

สาม...ด้วยข้อจำกัดด้านกฎข้อบังคับการบินและพื้นที่อันจำกัด ทำให้ต้องเตรียมอาหารด้วย Microwave (ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า ทำให้อร่อยยาก)

สี่...ไม่มีอะไรพิเศษ ก็แค่อาหารจาก Airline Catering Service นั้น ไม่อร่อยจริงๆ นั่นแหละ

ห้า...จริงๆ แล้ว อาหารบนเครื่องน่ะอร่อย แต่มีแค่ผมคนเดียวเท่านั้น ที่ทานแล้วรู้สึกว่ามันแย่

สาเหตุก็ประมาณนี้ครับ

...

ไม่ว่าสาเหตุจะเกิดจากอะไรก็ตามแต่...มันก็ได้กลายเป็นประเด็นเล็กๆ ให้ผมได้ฝึกคิด และได้ค้นหาข้อมูลแบบพอขำๆ

ซึ่งบางครั้งการตั้งข้อสงสัยจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ บางเรื่อง...มันก็นำไปสู่การขยายผลอันยิ่งใหญ่มามากต่อมากแล้ว

แปลว่า เมื่อคนเราเกิดอาการ "เอ๊ะ! มันเกิดจากอะไรกันหนอ?"...จึงอาจกลายเป็นโอกาสดีก็ได้ หรือเสียของก็ได้

ข่าวดีก็คือ ทุกคนมีต่อม "เอ๊ะ" อยู่ในตัว ดังนั้น ทุกคนจึงมีโอกาสค้นพบอะไรที่เจ๋งๆ ได้

แต่ข่าวร้ายก็คือ ผู้คนส่วนใหญ่น่ะ...เอ๊ะแล้วหยุด...แบบนี้ก็แปลว่า "เสียของ"

...จึงฟันธงชัดๆ ได้ว่า ถ้าเราเอ๊ะแล้วนำไปคิดต่อยอด หรือขยายผล...ข่าวร้ายนี้ ก็จะไม่ใช่สำหรับเรา!...

#เมื่อสงสัยแล้วต้องค้นหาคำตอบ #เอ๊ะแล้วต้องอ๋อ #อย่าเอ๊ะแล้วก็ไว้ก่อนละกัน #การคิดวิเคราะห์เรื่องเล็กๆบางครั้งก็นำไปสู่การค้นพบที่ยิ่งใหญ่

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...