Post#4-206:
เคยสงสัยมั๊ยครับ ว่าทำไมเวลาไปสัมภาษณ์งาน...เรามักถูกถามเรื่องส่วนตัว?
ซึ่งบางครั้งเราก็นึกไม่ออกเอาจริงๆ ว่าเจตนาของผู้สัมภาษณ์น่ะ คืออะไรกันแน่?
แล้วเวลาที่ถูกผู้สัมภาษณ์ถามว่า "มีอะไรจะถามมั๊ย เราควรจะถามว่าอะไรดีหนอ?
...
ถ้าเคยอ่านนิยายกำลังภายในหรือดูหนังกำลังภายในมาบ้าง ก็คงพอได้ยินวาทะประมาณว่า "จริงคือเท็จ" และ "เท็จคือจริง"
เวลาผู้สัมภาษณ์ถามเรื่องที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวกับงานเลย แต่อันที่จริงคำตอบที่เราตอบออกไปจะถูกนำมาตีความให้เกี่ยวกับเรื่องงาน
แท้จริงผู้ถูกสัมภาษณ์มักเตรียมคำตอบที่สวยหรูดูดีมาจากบ้าน แต่มักจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงยามที่คุยเรื่องส่วนตัว
ยิ่งผู้สัมภาษณ์เป็นกันเองมาก ยิ่งต้องระวัง...โดยเฉพาะเราไม่อาจรู้ได้เลย ว่าคำตอบที่ตอบออกไป จะถูกนำไปตีความในลักษณะใด และกับคำถามข้อไหน?
...
ช่วงท้ายๆ ของการสัมภาษณ์...บ่อยครั้งที่ผู้ถูกสัมภาษณ์ จะโดนถามว่า "มีอะไรจะถามบ้างมั๊ย?"
และบ่อยครั้งมาก ที่ผู้ถูกสัมภาษณ์จะมา "ตกม้าตาย" ด้วยคำถามนี้...นี่เอง
คำถามที่เปิดช่องเหมือนจะให้เราถามนั้น แท้ที่จริงเป็นคำถามที่ใช้ "คำถามของเรา" เป็น "คำตอบ"
ซึ่งหมายความว่า เราก็ยังตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของค่ายกล "จริงคือเท็จ" และ "เท็จคือจริง" อยู่นั่นเอง
...
ความท้าทายจึงอยู่ที่ว่า ระหว่างที่ถูกสัมภาษณ์ เราประเมินได้ถูกต้องหรือไม่ ว่าสิ่งใดเท็จ หรือสิ่งใดจริง?
ระหว่างสัมภาษณ์จึงไม่ควรฟังแต่ความหมายของคำถาม หากแต่ควรอ่านความนัยที่แฝงมาในคำถามด้วย
มองตาผู้สัมภาษณ์อยู่มั๊ย? เห็นอะไรในสีหน้าและแววตาของผู้สัมภาษณ์หรือไม่?
ยิ่งคุณตำแหน่งสูงขึ้นเท่าไหร่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณมอง, ฟัง, โต้ตอบ และอื่นๆ ที่คุณคิดว่า "ไม่น่าเกี่ยว"...อาจล้วนถูกนำมาเกี่ยวพันกับการประเมินทั้งหมด
...คุณต้องเลือกว่าจะเป็น "เหยื่อ" ที่ถูกเคี้ยวง่ายๆ หรือจะแสดงให้เห็นว่า คุณมี "เขี้ยวเล็บ" ที่เหมาะจะมาร่วมเป็นหนึ่งใน "ผู้ล่า" ร่วมกับพวกเค้า...
#ถ้าคิดว่าผู้สัมภาษณ์ไร้สาระจงอย่าเลือกทำงานกับพวกเค้า #เป็นนกเดียวดายดีกว่าเข้าร่วมฝูงแร้ง #บริษัทเลือกเราและเราเองก็ต้องเลือกบริษัท
เคยสงสัยมั๊ยครับ ว่าทำไมเวลาไปสัมภาษณ์งาน...เรามักถูกถามเรื่องส่วนตัว?
ซึ่งบางครั้งเราก็นึกไม่ออกเอาจริงๆ ว่าเจตนาของผู้สัมภาษณ์น่ะ คืออะไรกันแน่?
แล้วเวลาที่ถูกผู้สัมภาษณ์ถามว่า "มีอะไรจะถามมั๊ย เราควรจะถามว่าอะไรดีหนอ?
...
ถ้าเคยอ่านนิยายกำลังภายในหรือดูหนังกำลังภายในมาบ้าง ก็คงพอได้ยินวาทะประมาณว่า "จริงคือเท็จ" และ "เท็จคือจริง"
เวลาผู้สัมภาษณ์ถามเรื่องที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวกับงานเลย แต่อันที่จริงคำตอบที่เราตอบออกไปจะถูกนำมาตีความให้เกี่ยวกับเรื่องงาน
แท้จริงผู้ถูกสัมภาษณ์มักเตรียมคำตอบที่สวยหรูดูดีมาจากบ้าน แต่มักจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงยามที่คุยเรื่องส่วนตัว
ยิ่งผู้สัมภาษณ์เป็นกันเองมาก ยิ่งต้องระวัง...โดยเฉพาะเราไม่อาจรู้ได้เลย ว่าคำตอบที่ตอบออกไป จะถูกนำไปตีความในลักษณะใด และกับคำถามข้อไหน?
...
ช่วงท้ายๆ ของการสัมภาษณ์...บ่อยครั้งที่ผู้ถูกสัมภาษณ์ จะโดนถามว่า "มีอะไรจะถามบ้างมั๊ย?"
และบ่อยครั้งมาก ที่ผู้ถูกสัมภาษณ์จะมา "ตกม้าตาย" ด้วยคำถามนี้...นี่เอง
คำถามที่เปิดช่องเหมือนจะให้เราถามนั้น แท้ที่จริงเป็นคำถามที่ใช้ "คำถามของเรา" เป็น "คำตอบ"
ซึ่งหมายความว่า เราก็ยังตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของค่ายกล "จริงคือเท็จ" และ "เท็จคือจริง" อยู่นั่นเอง
...
ความท้าทายจึงอยู่ที่ว่า ระหว่างที่ถูกสัมภาษณ์ เราประเมินได้ถูกต้องหรือไม่ ว่าสิ่งใดเท็จ หรือสิ่งใดจริง?
ระหว่างสัมภาษณ์จึงไม่ควรฟังแต่ความหมายของคำถาม หากแต่ควรอ่านความนัยที่แฝงมาในคำถามด้วย
มองตาผู้สัมภาษณ์อยู่มั๊ย? เห็นอะไรในสีหน้าและแววตาของผู้สัมภาษณ์หรือไม่?
ยิ่งคุณตำแหน่งสูงขึ้นเท่าไหร่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณมอง, ฟัง, โต้ตอบ และอื่นๆ ที่คุณคิดว่า "ไม่น่าเกี่ยว"...อาจล้วนถูกนำมาเกี่ยวพันกับการประเมินทั้งหมด
...คุณต้องเลือกว่าจะเป็น "เหยื่อ" ที่ถูกเคี้ยวง่ายๆ หรือจะแสดงให้เห็นว่า คุณมี "เขี้ยวเล็บ" ที่เหมาะจะมาร่วมเป็นหนึ่งใน "ผู้ล่า" ร่วมกับพวกเค้า...
#ถ้าคิดว่าผู้สัมภาษณ์ไร้สาระจงอย่าเลือกทำงานกับพวกเค้า #เป็นนกเดียวดายดีกว่าเข้าร่วมฝูงแร้ง #บริษัทเลือกเราและเราเองก็ต้องเลือกบริษัท
Comments
Post a Comment