Post4-194:
หลายปีก่อนนู้น มี Ad ชิ้นนึงของ DTAC ที่ผู้คนต่างถูกใจกันทั่วบ้านทั่วเมือง
ถ้าจำไม่ผิด เค้าตั้งชื่อ Ad ชิ้นนี้ว่า "disconnect to connect" ซึ่งสื่อถึงพฤติกรรมของผู้คนที่มัวแต่จ้องหน้าจอจนลืมผู้คนรอบข้าง
Ad ชิ้นที่ว่า ก็เลยกระตุ้นให้เราเงยหน้าจาก Digital World มาหา Real World เสียบ้าง
น่าเสียดายว่าแม้ Ad นี้ จะโดนใจผู้คนอย่างที่ว่า...หากแต่พฤติกรรมของผู้คนในปัจจุบันดูเหมือนจะกลายเป็น "connect to disconnect" เสียล่ะมากกว่า
...
นี่เป็นหนึ่งใน Ad ที่ผมชอบในแง่คิดที่ Brand นำเสนอ และผมเองก็เป็นหนึ่งในผู้คนที่ได้ประโยชน์จากการคิดต่อยอดจาก Ad ชิ้นนี้ เป็นอย่างมาก
หลายๆ ครั้งที่ผมก็คิดว่า มนุษย์เราเองก็ disconnect ความฝัน เพื่อลืมตาตื่นมาพบกับความจริง...และบางครั้งก็จำเป็นต้อง disconnect จากความจริง ที่มันทำร้ายเราเสียบ้าง
ผมเชื่อมั่นอย่างสุดหัวใจว่า เราไม่อาจอยู่กับความฝันไปได้ตลอดกาล...เท่าๆ กับที่เราอยู่โดยปราศจากความฝันไม่ได้
สำคัญก็แต่ว่า เรารู้ตัวเองมั๊ยหนอ ว่าเมื่อไหร่ควรอยู่กับความฝัน และตอนไหนที่ควรต่อสู้กับความจริง?
...
ถ้าหากตอนที่ควรสู้กับความจริง เรากลับหลบไปแอบฝัน...เราก็เป็นได้แค่ "ไอ้ขี้แพ้"
แต่ถ้าเรามัวแต่ก้มหน้าก้มตาใช้ชีวิต โดยที่ไม่หยุดเพื่อทบทวนความฝันเสียบ้าง...เราก็เป็นได้แค่ "ไอ้ดักดาน"
เราจึงต้องตั้งสติและตรึกตรองชีวิตให้ดี...เมื่อไหร่ที่ควรจะ connect และเมื่อไหร่ที่ควรจะ disconnect
...เมื่อหลับตาฝัน จงฝันว่าจะทำความฝันให้เป็นจริงได้อย่างไรเมื่อลืมตาตื่น...และเมื่อลืมตาตื่น จงทำให้เต็มที่เสมือนว่าคืนนี้จะไม่มีโอกาสกลับไปฝัน...
#ฝันให้สุดแต่ต้องทำให้สุดยิ่งกว่า #ไม่มีอะไรน่ากลัวกว่าฝันตอนลืมตา #หลับตาฝันลืมตาทำนั่นจึงควร
หลายปีก่อนนู้น มี Ad ชิ้นนึงของ DTAC ที่ผู้คนต่างถูกใจกันทั่วบ้านทั่วเมือง
ถ้าจำไม่ผิด เค้าตั้งชื่อ Ad ชิ้นนี้ว่า "disconnect to connect" ซึ่งสื่อถึงพฤติกรรมของผู้คนที่มัวแต่จ้องหน้าจอจนลืมผู้คนรอบข้าง
Ad ชิ้นที่ว่า ก็เลยกระตุ้นให้เราเงยหน้าจาก Digital World มาหา Real World เสียบ้าง
น่าเสียดายว่าแม้ Ad นี้ จะโดนใจผู้คนอย่างที่ว่า...หากแต่พฤติกรรมของผู้คนในปัจจุบันดูเหมือนจะกลายเป็น "connect to disconnect" เสียล่ะมากกว่า
...
นี่เป็นหนึ่งใน Ad ที่ผมชอบในแง่คิดที่ Brand นำเสนอ และผมเองก็เป็นหนึ่งในผู้คนที่ได้ประโยชน์จากการคิดต่อยอดจาก Ad ชิ้นนี้ เป็นอย่างมาก
หลายๆ ครั้งที่ผมก็คิดว่า มนุษย์เราเองก็ disconnect ความฝัน เพื่อลืมตาตื่นมาพบกับความจริง...และบางครั้งก็จำเป็นต้อง disconnect จากความจริง ที่มันทำร้ายเราเสียบ้าง
ผมเชื่อมั่นอย่างสุดหัวใจว่า เราไม่อาจอยู่กับความฝันไปได้ตลอดกาล...เท่าๆ กับที่เราอยู่โดยปราศจากความฝันไม่ได้
สำคัญก็แต่ว่า เรารู้ตัวเองมั๊ยหนอ ว่าเมื่อไหร่ควรอยู่กับความฝัน และตอนไหนที่ควรต่อสู้กับความจริง?
...
ถ้าหากตอนที่ควรสู้กับความจริง เรากลับหลบไปแอบฝัน...เราก็เป็นได้แค่ "ไอ้ขี้แพ้"
แต่ถ้าเรามัวแต่ก้มหน้าก้มตาใช้ชีวิต โดยที่ไม่หยุดเพื่อทบทวนความฝันเสียบ้าง...เราก็เป็นได้แค่ "ไอ้ดักดาน"
เราจึงต้องตั้งสติและตรึกตรองชีวิตให้ดี...เมื่อไหร่ที่ควรจะ connect และเมื่อไหร่ที่ควรจะ disconnect
...เมื่อหลับตาฝัน จงฝันว่าจะทำความฝันให้เป็นจริงได้อย่างไรเมื่อลืมตาตื่น...และเมื่อลืมตาตื่น จงทำให้เต็มที่เสมือนว่าคืนนี้จะไม่มีโอกาสกลับไปฝัน...
#ฝันให้สุดแต่ต้องทำให้สุดยิ่งกว่า #ไม่มีอะไรน่ากลัวกว่าฝันตอนลืมตา #หลับตาฝันลืมตาทำนั่นจึงควร
Comments
Post a Comment