Post#4-202:
มื้อค่ำที่ผ่านมา ผมใช้เวลาอยู่กับผู้บริหารระดับสูงชาวเกาหลีที่เคยทำ Project ร่วมกันมาก่อน
ผมมาทราบเอาวันนี้เอง...ว่าเค้าตัดสินใจลาออกมาแสวงหาความท้าทายใหม่ เมื่อไม่นานมานี้เอง
...หลังจากพบว่าองค์กรที่เค้าร่วมงานด้วยมาอย่างยาวนาน ไม่สามารถตอบสนองกับความทะเยอทะยานที่เค้าคาดหวังไว้ได้ อีกต่อไป
...
มันอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย เมื่อใครสักคนที่ทำงานอยู่ในตำแหน่งระดับสูงและได้รับค่าตอบแทนมหาศาล จะยอมโบกมือลาองค์กรนั้นๆ ไป...
แต่เพื่อนผมเลือกที่จะไม่ปล่อยให้ตัวเองจมปลักกับความเคยชิน...หรือเลือกที่จะก้าวออกจาก Comfort Zone อันน่าชิงชัง ก่อนที่จะไม่มีโอกาสก้าวออกมาอีกเลย...ชั่วชีวิต
เป็นการตัดสินใจแบบ "Now or Never" หรือ "ไม่เดี๋ยวนี้ ก็ไม่กล้าไปไหนอีกแล้ว"...เป็นการตัดสินใจแบบนี่คือ "จุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิต" จริงๆ
...
ใครที่ตาม Post ของผมมานาน...จะรู้ดีว่า ผมชิงชังกับ Comfort Zone มากเพียงใด
เพราะผมรู้ว่า Comfort Zone นั้น เป็นหายนะของชีวิต ที่ไม่ต่างจาก Black Hole ที่ดูดกลืนแสงแห่งความทะเยอทะยานของเราไปตลอดกาล
ผมย้ำอีกทีครับ...ว่าเราทำงานอยู่ที่เดิมใดๆ เป็น 20 หรือ 30 ปีได้...โดยไม่ได้ถือว่า มันคือ Comfort Zone
...ตราบที่การอยู่กับที่เดิมๆ นั้น ไม่ได้ทำให้แต่ละวันของเราปราศจากการเรียนรู้เพิ่มเติม
พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าเราไม่ได้รู้สึกว่า เรากำลัง "ดักดาน" หรือ "จมปลัก"...เราก็ไม่ได้กำลังตกอยู่ใน Comfort Zone นั่นล่ะครับ
สำคัญก็แต่ว่า เราไม่ได้กำลังหลอกตัวเองอยู่ใช่มั๊ย? เราไม่ได้หลงหรือยึดติดกับความสำเร็จหรืออัตตา จนนำมาปลอบใจตัวเองใช่มั๊ย?
...
เพื่อนผมเล่าว่า เค้าทนไม่ได้ที่องค์กรไม่ฟังเสียงของเค้าอีกต่อไป...เค้าจึงจำต้องเลือกกิ่งไม้ใหม่ ที่นกดีอย่างเค้า จะเลือกเกาะอยู่ได้อย่างสง่างาม
มันจึงไม่ใช่เรื่องผิด ที่นกดีจึงมักต้องเลือกกิ่งไม้ที่เหมาะสมกับตัวเอง...และผมจะไม่เอ่ยปากห้ามเลย หากรู้ว่าลูกน้องของผมกำลังจะไปเกาะกิ่งใหม่ที่เจ๋งกว่า
ถ้าผมพบว่า ลูกนกที่ผมประคบประหงมมา เติบใหญ่เกินกว่าที่กิ่งไม้อย่างผมจะเป็นหลักให้ยึดเหนี่ยวได้...ผมก็จำต้องปล่อยให้นกตัวนั้นโบยบินจากไป
และถ้าผมยังอยากให้นกตัวนั้นอยู่เป็นสง่าบนกิ่งไม้ของผม...ผมก็ต้องเร่งสร้างให้ต้นไม้ของผมเติบโตและแตกกิ่งก้านสาขาจนแข็งแรงและสง่างามพอ
นั่นล่ะครับ เหตุผลที่ว่า ทำไมบางครั้ง องค์กรจึงต้องปรับตัว เพื่อรักษาคนเก่งให้อยู่คู่กับองค์กร
...และบ่อยครั้งที่ไม้ใหญ่เติบโต จึงทำให้ นกขี้เกียจบางตัว ต้องตกจากรังไปนอนตายอยู่ใต้ต้น
...ป่าที่ไร้เสืออาศัย ย่อมไร้ศักดิ์ศรีของป่า ฉันใด...ต้นไม้ใหญ่ที่มีแต่นกกระจิบนกกระจอกเกาะอาศัย ย่อมไร้ศักดิ์ศรีของพญาไม้ ฉันนั้น ครับ...
#นกดีย่อมเลือกกิ่งไม้เกาะ #ไม่โผไปกิ่งใหม่เจ้าย่อมตายคากิ่งที่ทรุดโทรมฉันนั้น #ทิ้งองค์กรกับเลือกองค์กรนั้นต่างกัน #มองอนาคตอย่างไม่โกหกตัวเองแล้วจะรู้เองว่าที่นี่ควรเป็นรังตายของเราหรือไม่ #อยู่ที่เดิมนานเท่าไหร่ก็ได้ตราบที่เราไม่ยอมเดิมๆ
มื้อค่ำที่ผ่านมา ผมใช้เวลาอยู่กับผู้บริหารระดับสูงชาวเกาหลีที่เคยทำ Project ร่วมกันมาก่อน
ผมมาทราบเอาวันนี้เอง...ว่าเค้าตัดสินใจลาออกมาแสวงหาความท้าทายใหม่ เมื่อไม่นานมานี้เอง
...หลังจากพบว่าองค์กรที่เค้าร่วมงานด้วยมาอย่างยาวนาน ไม่สามารถตอบสนองกับความทะเยอทะยานที่เค้าคาดหวังไว้ได้ อีกต่อไป
...
มันอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย เมื่อใครสักคนที่ทำงานอยู่ในตำแหน่งระดับสูงและได้รับค่าตอบแทนมหาศาล จะยอมโบกมือลาองค์กรนั้นๆ ไป...
แต่เพื่อนผมเลือกที่จะไม่ปล่อยให้ตัวเองจมปลักกับความเคยชิน...หรือเลือกที่จะก้าวออกจาก Comfort Zone อันน่าชิงชัง ก่อนที่จะไม่มีโอกาสก้าวออกมาอีกเลย...ชั่วชีวิต
เป็นการตัดสินใจแบบ "Now or Never" หรือ "ไม่เดี๋ยวนี้ ก็ไม่กล้าไปไหนอีกแล้ว"...เป็นการตัดสินใจแบบนี่คือ "จุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิต" จริงๆ
...
ใครที่ตาม Post ของผมมานาน...จะรู้ดีว่า ผมชิงชังกับ Comfort Zone มากเพียงใด
เพราะผมรู้ว่า Comfort Zone นั้น เป็นหายนะของชีวิต ที่ไม่ต่างจาก Black Hole ที่ดูดกลืนแสงแห่งความทะเยอทะยานของเราไปตลอดกาล
ผมย้ำอีกทีครับ...ว่าเราทำงานอยู่ที่เดิมใดๆ เป็น 20 หรือ 30 ปีได้...โดยไม่ได้ถือว่า มันคือ Comfort Zone
...ตราบที่การอยู่กับที่เดิมๆ นั้น ไม่ได้ทำให้แต่ละวันของเราปราศจากการเรียนรู้เพิ่มเติม
พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าเราไม่ได้รู้สึกว่า เรากำลัง "ดักดาน" หรือ "จมปลัก"...เราก็ไม่ได้กำลังตกอยู่ใน Comfort Zone นั่นล่ะครับ
สำคัญก็แต่ว่า เราไม่ได้กำลังหลอกตัวเองอยู่ใช่มั๊ย? เราไม่ได้หลงหรือยึดติดกับความสำเร็จหรืออัตตา จนนำมาปลอบใจตัวเองใช่มั๊ย?
...
เพื่อนผมเล่าว่า เค้าทนไม่ได้ที่องค์กรไม่ฟังเสียงของเค้าอีกต่อไป...เค้าจึงจำต้องเลือกกิ่งไม้ใหม่ ที่นกดีอย่างเค้า จะเลือกเกาะอยู่ได้อย่างสง่างาม
มันจึงไม่ใช่เรื่องผิด ที่นกดีจึงมักต้องเลือกกิ่งไม้ที่เหมาะสมกับตัวเอง...และผมจะไม่เอ่ยปากห้ามเลย หากรู้ว่าลูกน้องของผมกำลังจะไปเกาะกิ่งใหม่ที่เจ๋งกว่า
ถ้าผมพบว่า ลูกนกที่ผมประคบประหงมมา เติบใหญ่เกินกว่าที่กิ่งไม้อย่างผมจะเป็นหลักให้ยึดเหนี่ยวได้...ผมก็จำต้องปล่อยให้นกตัวนั้นโบยบินจากไป
และถ้าผมยังอยากให้นกตัวนั้นอยู่เป็นสง่าบนกิ่งไม้ของผม...ผมก็ต้องเร่งสร้างให้ต้นไม้ของผมเติบโตและแตกกิ่งก้านสาขาจนแข็งแรงและสง่างามพอ
นั่นล่ะครับ เหตุผลที่ว่า ทำไมบางครั้ง องค์กรจึงต้องปรับตัว เพื่อรักษาคนเก่งให้อยู่คู่กับองค์กร
...และบ่อยครั้งที่ไม้ใหญ่เติบโต จึงทำให้ นกขี้เกียจบางตัว ต้องตกจากรังไปนอนตายอยู่ใต้ต้น
...ป่าที่ไร้เสืออาศัย ย่อมไร้ศักดิ์ศรีของป่า ฉันใด...ต้นไม้ใหญ่ที่มีแต่นกกระจิบนกกระจอกเกาะอาศัย ย่อมไร้ศักดิ์ศรีของพญาไม้ ฉันนั้น ครับ...
#นกดีย่อมเลือกกิ่งไม้เกาะ #ไม่โผไปกิ่งใหม่เจ้าย่อมตายคากิ่งที่ทรุดโทรมฉันนั้น #ทิ้งองค์กรกับเลือกองค์กรนั้นต่างกัน #มองอนาคตอย่างไม่โกหกตัวเองแล้วจะรู้เองว่าที่นี่ควรเป็นรังตายของเราหรือไม่ #อยู่ที่เดิมนานเท่าไหร่ก็ได้ตราบที่เราไม่ยอมเดิมๆ
Comments
Post a Comment