Post#4-203:
หลังมื้อค่ำที่ผ่านมา เพื่อนใหม่ชาวเกาหลีของผม เชิญผมไปเยือน Science Museum ที่เค้าบริหารงานอยู่
หนึ่งในผลงานที่เค้าภูมิใจ ก็คือ Mini Science Camp ที่มีเด็กจากทุกมุมโลกมาเข้ารับการอบรม
เป็น Camp ที่มีระยะเวลาสั้นๆ ที่ให้เด็กๆ ได้ไปเยี่ยมชม Science Museum ที่อยู่ตามสถานที่ต่างๆ ในกรุงโซล
ทำให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ ในขณะเดียวกันก็ได้สนุกสนานกับวัฒนธรรมของชาวเกาหลีไปด้วย
...
ในประเทศที่พัฒนาแล้ว...การเรียนกับการเล่นนั้น แทบจะถูกผนวกเป็นเรื่องเดียวกันอย่างสมบูรณ์
เมื่อเรียนผสมเป็นเนื้อเดียวกับเล่น...ความสนุกก็จึงบังเกิด และทำให้เด็กๆ รู้สึกว่าการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์นั้น ไม่น่าเบื่อ
เมื่อหัวใจเปิดกว้าง สมองก็เปิดรับ...การเรียนรู้อย่างเต็มใจจึงเป็นผลลัพธ์ที่ Science Camp นี้ มุ่งหวัง
การเรียนรู้แบบนี้ น่าจะทำให้ความรู้ติดอยู่ในหัวใจได้อย่างตราตรึง และฝังอยู่ในคลังสมองได้อย่างยาวนาน
...
ถามว่า แล้วผมเรียนรู้อะไรจากการได้ยินเรื่อง Mini Science Camp นี้บ้างล่ะ?
ผมว่า มันต่อยอดให้ได้คิดครับ ว่าการถ่ายทอดความรู้ให้ใครด้วยวิธีชักชวนให้อยากรู้น่ะ มันดีกว่าการยัดเยียดความรู้ มากมายนัก
เด็กในประเทศที่พัฒนาแล้ว เรียนเพื่อ "รู้"...ในขณะที่เด็กไทยเราน่ะ เรียนเพื่อ "สอบ"...แปลว่า สอบเสร็จก็ไม่จำต่อ และถึงจำได้ ก็นำไปประยุกต์ใช้ไม่ได้
เกรดที่ออกมา จึงไม่น่าจะสะท้อนได้ว่า เด็กบ้านเราประยุกต์วิชามาใช้ในชีวิตได้มากแค่ไหน
ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุด สำหรับผู้ให้วิชา ก็คือ การปลูกฝังให้เด็กๆ อยากที่จะเรียนรู้ด้วยตนเอง
...เพราะความรู้สึกที่ถูกกระตุ้นให้อยากเรียนรู้ตั้งแต่เยาว์วัยนั้นน่ะ...จะกลายเป็นรากแก้วที่หยั่งรากลึกลงไปในใจของเด็กๆ ให้เค้ากลายเป็น "ผู้ใฝ่รู้" ได้ตลอดชีวิต กระมังครับ?...
#เรียนเพื่อสอบหรือเรียนเพื่อรู้ #อยากรู้จึงใฝ่รู้ #บังคับให้รู้ก็ได้แค่ผิวเผิน #เรียนรู้เพื่อให้รู้คิด #หาใช่เรียนรู้เพื่อให้รู้จำ
หลังมื้อค่ำที่ผ่านมา เพื่อนใหม่ชาวเกาหลีของผม เชิญผมไปเยือน Science Museum ที่เค้าบริหารงานอยู่
หนึ่งในผลงานที่เค้าภูมิใจ ก็คือ Mini Science Camp ที่มีเด็กจากทุกมุมโลกมาเข้ารับการอบรม
เป็น Camp ที่มีระยะเวลาสั้นๆ ที่ให้เด็กๆ ได้ไปเยี่ยมชม Science Museum ที่อยู่ตามสถานที่ต่างๆ ในกรุงโซล
ทำให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ ในขณะเดียวกันก็ได้สนุกสนานกับวัฒนธรรมของชาวเกาหลีไปด้วย
...
ในประเทศที่พัฒนาแล้ว...การเรียนกับการเล่นนั้น แทบจะถูกผนวกเป็นเรื่องเดียวกันอย่างสมบูรณ์
เมื่อเรียนผสมเป็นเนื้อเดียวกับเล่น...ความสนุกก็จึงบังเกิด และทำให้เด็กๆ รู้สึกว่าการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์นั้น ไม่น่าเบื่อ
เมื่อหัวใจเปิดกว้าง สมองก็เปิดรับ...การเรียนรู้อย่างเต็มใจจึงเป็นผลลัพธ์ที่ Science Camp นี้ มุ่งหวัง
การเรียนรู้แบบนี้ น่าจะทำให้ความรู้ติดอยู่ในหัวใจได้อย่างตราตรึง และฝังอยู่ในคลังสมองได้อย่างยาวนาน
...
ถามว่า แล้วผมเรียนรู้อะไรจากการได้ยินเรื่อง Mini Science Camp นี้บ้างล่ะ?
ผมว่า มันต่อยอดให้ได้คิดครับ ว่าการถ่ายทอดความรู้ให้ใครด้วยวิธีชักชวนให้อยากรู้น่ะ มันดีกว่าการยัดเยียดความรู้ มากมายนัก
เด็กในประเทศที่พัฒนาแล้ว เรียนเพื่อ "รู้"...ในขณะที่เด็กไทยเราน่ะ เรียนเพื่อ "สอบ"...แปลว่า สอบเสร็จก็ไม่จำต่อ และถึงจำได้ ก็นำไปประยุกต์ใช้ไม่ได้
เกรดที่ออกมา จึงไม่น่าจะสะท้อนได้ว่า เด็กบ้านเราประยุกต์วิชามาใช้ในชีวิตได้มากแค่ไหน
ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุด สำหรับผู้ให้วิชา ก็คือ การปลูกฝังให้เด็กๆ อยากที่จะเรียนรู้ด้วยตนเอง
...เพราะความรู้สึกที่ถูกกระตุ้นให้อยากเรียนรู้ตั้งแต่เยาว์วัยนั้นน่ะ...จะกลายเป็นรากแก้วที่หยั่งรากลึกลงไปในใจของเด็กๆ ให้เค้ากลายเป็น "ผู้ใฝ่รู้" ได้ตลอดชีวิต กระมังครับ?...
#เรียนเพื่อสอบหรือเรียนเพื่อรู้ #อยากรู้จึงใฝ่รู้ #บังคับให้รู้ก็ได้แค่ผิวเผิน #เรียนรู้เพื่อให้รู้คิด #หาใช่เรียนรู้เพื่อให้รู้จำ
Comments
Post a Comment