Skip to main content

Post#4-201: Comfort Zone แห่งความสัมพันธ์

Post#4-201:
หนึ่งในปัญหา classic คู่โลกใบนี้ ก็คือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของผู้คน...

จะว่าไป ผมว่ามันคือปัญหาใหญ่ที่สุดของโลก ก็ว่าได้ครับ...เพราะมนุษย์มีความต้องการไม่สิ้นสุด มันจึงเป็นตัวสร้างทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายขึ้นบนโลก

เป็นกลจักรที่ทำให้ชีวิตบนโลกหมุนไป...เป็นตัวก่อให้เกิดความรัก, ความเกลียด และความรู้สึกอีกนับพันนับล้าน

...

เราจึงไม่อาจทำอะไรให้ถูกใจคนที่อยู่รายรอบได้ทั้งหมด...

บางอย่างที่เราทำอาจถูกใจคนๆ หนึ่งเสียเหลือเกิน...ในขณะเดียวกัน มันอาจจะกำลังทำร้ายอีกคนหนึ่งอย่างสุดโต่งอยู่ ก็เป็นได้

เกิดเป็นมนุษย์...มันจึงวุ่นวายยุ่งขิงแบบนี้

...

ถามว่าแล้วต้องทำยังไงดีล่ะ เราถึงจะเก่งขึ้นบ้างในด้านการรักษาความสัมพันธ์กับผู้คนที่อยู่รายรอบ?

ผมคงตอบได้แค่ว่า "ก็ใครจะไปรู้?"

เปล่าครับ, ผมไม่ได้กำลังกวนประสาทใคร...แต่ในเรื่องความสัมพันธ์กับผู้คนนั้น มันซับซ้อนเกินกว่าจะมีสูตรสำเร็จตายตัว จริงๆ

...

ยังไงก็ตาม...ผมคิดว่า หนึ่งในปัจจัยที่อาจช่วยให้เรารักษาระดับความสัมพันธ์กับผู้คนไว้ได้ ก็คือ "การวางตัว"

เราเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างตัวเราและอีกฝ่ายแค่ไหน? เราอยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราและอีกฝ่ายเป็นไปในทิศทางใด?

ต่อเมื่อเราเข้าใจชัดแล้ว เราจึงจะกำหนดตำแหน่งของเราและอีกฝ่ายได้...นั่นล่ะครับ ตำแหน่งของ "การวางตัว"

ที่ยากก็คือ ความต้องการในระดับความสัมพันธ์ของเรากับอีกฝ่ายน่ะ ตรงกันมั๊ย?

...

อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญไม่น้อยเลย ก็คือ "ความประนีประนอม"

เรารู้มั๊ย ว่าช่วงไหนควร "รุก" และช่วงไหนควร "ถอย"

เราไม่อาจมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน โดยการเป็นฝ่าย "ให้" ตลอดไป และไม่อาจเป็นฝ่าย "รับ" ตลอดกาล

การรู้จักรุกและถอย และการให้และรับ...จึงเป็นการประนีประนอมระหว่างเราและอีกฝ่าย

...

เพราะจิตใจของมนุษย์เป็นสิ่งที่ผันผวนปรวนแปรได้ง่ายที่สุด...เราจึงต้องจัดการความสัมพันธ์แบบ case-by-case และแทบจะเป็น day-by-day

ยิ่งเป็น Inner Circle มากเท่าไหร่...ความสัมพันธ์ยิ่งเปราะบางมากขึ้นเท่านั้น

ถึงขนาดที่ว่า การกระทำแย่ๆ บางอย่าง เพียงไม่ถึงนาที...มันอาจจะทำให้ร้อยล้านนาทีที่ผ่านมา มีค่าเป็น "ศูนย์" เลยก็ได้

ถึงขนาดที่ทำให้ "รัก" กลับกลายเป็น "แค้น" ได้...จากรักกันปานจะกลืน กลายเป็นแค้นกันแบบไม่เผาผี

...

ดังนั้น การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน จึงควรถูกจัดการแบบ Preventive Action ไม่ใช่ Collective Action

จัดการให้ความสัมพันธ์คงเดิมนั้น ง่ายกว่าฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับมา

เพราะแก้วที่มันร้าว ทำยังไงมันก็ไม่กลับมาเรียบเนียนเหมือนเก่าก่อน...ดังนั้น จงระวังอย่าให้มันร้าว

...อย่าปล่อยให้ความสัมพันธ์ใดๆ กับคนสำคัญของคุณ เข้าไปสู่ Comfort Zone...เพราะนั่นอาจหมายถึง "สายเกินไป" ครับ...

#มนุษย์นี้หนอยุ่งหนอซับซ้อนหนอ #ทำไมเราเห็นคนไกลสำคัญกว่าคนใกล้ตัว #กับคนใกล้ตัวยิ่งต้องดูแล #ไข่แดงมีคุณค่ากว่าไข่ขาว #แต่ไข่แดงก็มีโคเรสโตรอลสูง #เลือกกินให้พอเหมาะสุขภาพของความสัมพันธ์ถึงจะดีได้

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...