Skip to main content

Post#332: การแข่งขันทางธุรกิจ

Post#332:
หมู่นี้ นั่งลงคุยกับใครก็มักจะได้ยินเสียงบ่นประมาณว่า เดี๋ยวนี้ การแข่งขันทางธุรกิจนั้นแสนจะดุเดือด สาเหตุที่ผลประกอบการไม่เป็นไปตามคาดหมาย ก็เพราะการแข่งขันที่ดุเดือดนี่แหละ

ถ้าฟังโดยไม่คิดมาก ก็ตามนั้นล่ะครับ แต่ถ้าฟังแล้วคิดตามไปด้วย ผมว่ามีประเด็นให้คิดต่อ จริงหรือ ที่ผลลัพธ์ของธุรกิจไม่ดี เกิดขึ้นเพราะการแข่งขันที่ดุเดือดเลือดพล่าน?

นั่งวิเคราะห์อยู่นานพอควร ก็พอจะกล้อมแกล้มตอบได้ว่า ก็คงมีส่วนล่ะครับ แต่ถ้าไม่มีการแข่งขันเลยในตลาด มีแต่เราคนเดียว ถามว่า ผลสำเร็จของงานจะดีทะลุฟ้ามั๊ย? ผมก็ต้องตอบว่า "ไม่แน่" อยู่ดี ดูอย่างกิจการผูกขาดบางอย่างในหลายๆ ประเทศก็ได้ครับ แม้จะผูกขาดก็ไม่ได้หมายความว่า ใครๆ ก็ต้องมาใช้บริการ

ผมไม่เถียงว่า เราอาจจะโทษฟ้า โทษฝน โทษกำลังซื้อ โทษสภาพการแข่งขัน และอีกสารพัดปัจจัยนอกเหนือการควบคุมต่างๆ ได้ แต่ติงว่า อย่าลืม "โทษตัวเอง" ด้วย ก็แล้วกัน

ไม่ว่าจะขายของไม่ดี หรือไม่มีใครมาใช้บริการ ก็แล้วแต่ เมื่อโทษอย่างอื่นจนหนำใจแล้ว หันมามองดูปัจจัยพื้นฐานของตัวเองบ้างก็ดีครับ เราเดินเกมอะไรผิดพลาดบ้างมั๊ย? ถ้าไม่หน้ามืดตามัวโทษแต่คนอื่น หรือจมอยู่กับความสำเร็จเดิมๆ ผมว่าอย่างน้อย ก็ต้องรู้ตัวเองบ้างแหละ ว่าทำอะไรตรงไหน "ผิด" หรือ "ไม่ค่อยถูก" อยู่บ้าง อยู่ที่ว่าจะยอมรับความจริงรึเปล่ามากกว่า

การแข่งขันทางธุรกิจ (สมมติว่าทุกคนเล่นอยู่ในกติกานะครับ) นั้นดีแน่ๆ ครับ เพราะทำให้เราไม่หยุดพัฒนาและปรับปรุงเพื่อสิ่งที่ดีกว่า เฝ้าดูและเรียนรู้จากคู่แข่ง ก็จะทำให้เราเรียนลัดได้ไวขึ้น เฝ้าดูและวิเคราะห์ลูกค้า ก็จะทำให้เราตอบโจทย์ลูกค้าได้มากขึ้น

ถ้าปัจจัยพื้นฐานเราดีจริง จุดขายเราชัดเจนจริง ราคาเราใช่ และเราสื่อสารตรงกลุ่มเป้าหมาย เราก็ควรจะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของลูกค้า แต่ถ้าผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่เราคาด เรามีทางเลือกอะไรที่ดีกว่า "ปรับเปลี่ยน" ครับ?

ขาดทุน-กำไร เป็นเรื่องสามัญของธุรกิจ ปัญหาน่ะคือ ไม่รู้ว่าทำไมถึงขาดทุน และไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงกำไร ต่างหาก เค้าถึงว่า การที่เราประสบความสำเร็จได้ อาจจะเรียกว่า "ฟลุ้ค" แต่การที่เราประสบความสำเร็จได้อย่างต่อเนื่องน่ะ เรียกว่า "ฝีมือ"

อย่าไปกลัวการแข่งขันเลยครับ หนีไปอยู่ธุรกิจไหนก็หนีไม่พ้นการแข่งขันแน่ๆ ต่อให้เป็นธุรกิจผูกขาด ก็ยังต้องแข่งกับธุรกิจทางเลือกอยู่นั่นเอง ดังนั้น แทนที่จะมัวไปโทษคู่แข่ง หันมาปรับปรุงศักยภาพองค์กรกันดีกว่าครับ

สู้เค้านะ ทาเคชิ (-_-)v

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...