Post#344:
บ่ายวันวาน ผม line คุยกับลูกน้องเก่าท่านหนึ่ง เพราะเห็นเธอระบายความอัดอั้นตันใจไว้ใน Timeline
ด้วยความเป็นห่วง ก็เลยอยากเขียน Post นี้ เพื่อเธอ...
คำพระท่านว่าไว้ ตราบที่ยังไม่นิพพาน ก็ไม่มีวันล่วงทุกข์
ทันทีที่ลืมตาตื่นนอน ความทุกข์ต่างๆ ก็มาดักรออยู่พร้อมแล้ว ตราบที่ยังเป็นปุถุชนคนธรรมดา ตราบนั้น เราก็ไม่มีวันหนีพ้นจากความทุกข์ไปได้
ก็ในเมื่อรู้อยู่ว่า ความทุกข์เป็นของธรรมดาโลก ดังนั้น เราจึงไม่ควรไปมัวคิดจะหนีให้ห่างจากความทุกข์ แต่ควรเอาเวลามานั่งหาวิธีอยู่กับความทุกข์อย่างมีสติน่าจะดีกว่า...
การวิ่งหนีความทุกข์ ก็เปรียบเหมือนกับการวิ่งหนีเงาตัวเอง ยิ่งคิดหนีก็ยิ่งกลุ้ม แม้จะวิ่งเร็วเท่าไหร่ ก็ไม่มีทางหนีพ้นจากมันไปได้ ต่อเมื่อหยุดวิ่งถีงจะรู้ว่า ความทุกข์มันก็อยู่นิ่งๆ ของมันอย่างนั้น ไม่วิ่งหนีมันก็ไม่วิ่งไล่
ถ้าตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า ยังตั้งเป้าจะวิ่งหนี ก็เท่ากับว่า เราพร้อมจะยอมแพ้ต่อความทุกข์ที่ติดตามเราอยู่ และแปลว่า เรา "ปิดประตูชนะ" ด้วยตัวเราเอง
แต่ถ้าเมื่อไหร่ยอมรับได้ว่า เราไม่ควรจะวิ่งหนี หากแต่เผชิญหน้ากับความทุกข์อย่างมีสติ แม้ความทุกข์นั้นจะใหญ่มาก แต่หากเข้าใจต้นตอของมัน เราก็อาจพลิกกลับมาชนะได้...
แม้โอกาสชนะมันจะริบหรี่เพียงใด...หากแต่ทันทีที่กล้าหันมาเผชิญหน้ากับมัน นั่นก็คือก้าวแรกของ "การหลุดออกจากความพ่ายแพ้" เช่นกัน
ถ้ารู้ว่า โดยลำพังตัวเองคงไม่สามารถแก้ปัญหาหรือทุกข์นั้นได้ อย่าลังเลที่จะปรึกษากับกัลยาณมิตรที่อยู่รายรอบ หรือผู้ใหญ่ที่เรานับถือ
อย่างนัอยที่สุด เราเองจะได้กำลังใจจากเพื่อนๆ และได้ข้อคิดและแนวทางแก้ปัญหาจากผู้ที่ผ่านโลกมามากกว่าเรา
สำคัญที่สุด เวลาเล่าความทุกข์หรือปัญหาให้คนที่เรารักและรักเราฟังเนี่ย เราจะได้ใช้โอกาสนี้ในการลำดับความคิด, เรียบเรียงปัญหา และพิจารณาทางออก โดยมีสติกำกับ
เลือกเอาเองครับ จะยอมแพ้ก่อนจะสู้ หรือจะสู้ไปเรื่อยๆ อย่างไม่ยอมแพ้
สุดท้ายผมอยากให้จำไว้เสมอ...ไม่มีใครอยู่คนเดียวในโลกหรอกครับ...มองไปรอบๆ สิครับ เราไม่ได้เดียวดายแน่ๆ เว้นแต่เรากำลังหลับตาอยู่...ถึงได้มองไม่เห็น
อย่าไปคิดว่า เราเอาปัญหาไปให้เค้า...ตรงกันข้าม เค้าน่าจะยินดีและดีใจที่คุณเห็นเค้าพึ่งพาได้ เพื่อนแท้น่าจะมีไว้เพื่อการนี้...หรือมิใช่?
เป็นกำลังใจให้คนที่เผชิญปัญหาและความทุกข์อย่างหาญกล้าทุกๆ คนครับ
Comments
Post a Comment