Skip to main content

Post#345: เลียนแบบ vs ต่อยอด

Post#345:
สวัสดีวันจันทร์ครับ เริ่มต้นกันด้วยคำถามกระตุ้นรอยหยักในสมองเล็กน้อยนะครับ ^^

อะไรคือเส้นขีดคั่นระหว่าง การเลียนแบบ และการต่อยอด?

ให้เวลาคิด 3 นาทีครับ

...

ผมเชื่อว่า บ่อยครั้ง เรามักจะทึกทักเอาว่า คนนั้น คนโน้น คนนี้ มาเลียนแบบเรา แต่เมื่อมีใครมาทึกทักกับเราแบบนี้บ้าง เราก็มักจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

ว่ากันด้วยเรื่องการเลียนแบบก่อนดีมั๊ยครับ?

ความจริงแล้วก็ไม่เห็นต้องแปลให้มันยุ่งยาก เลียนแบบ (copy) ก็คือการลอกของชาวบ้านมาทั้งดุ้น ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนใดๆ หรือปรับเปลี่ยนก็น้อยมากๆ

มีคำถามต่อว่า ที่ว่าเปลี่ยนน้อยมากๆ น่ะ น้อยขนาดไหน​...ก็น้อยขนาดที่ว่า คนอื่นๆ ดูปุ๊บก็ลงความเห็นปั๊บน่ะสิครับ ว่าเราก๊อบฯ เค้ามาแบบไม่ได้ใช้สมอง

ปะเหมาะเคราะห์ดีเข้า ก็เจอฟ้องร้องเรื่องลิขสิทธิ์ไปตามระเบียบ >_<"

ส่วนการต่อยอดนั้น จริงๆ จะบอกว่า เป็นภาคอัพเกรดของการก๊อบปี้ ก็น่าจะว่าได้ ที่เค้าชอบแซวๆ กันว่า copy and development นั่นแหละครับ

ในโลกปัจจุบันนี้ จะหาสินค้าใหม่หรือไอเดียทางธุรกิจใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลกน่ะ ยากแสนยากครับ...ก็คงเหมือนเพลงรักนั่นแหละครับ วนไปวนมา เนื้อหาของเพลงน่ะครบทุกรูปแบบของความรักแล้ว แต่เพลงรักใหม่ๆ ก็ยังคงมีมาให้เราเสพได้ทุกวัน

สินค้าหรือไอเดียที่เรานำเสนอนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นครั้งแรกในโลก หรือที่เราเรียกว่า Newly Invented หรอกครับ มันอาจจะเป็นแค่การนำสินค้าหรือไอเดียนั้นมาทำแบบ "เรื่องเก่าเล่าใหม่” หรืออาจจะเป็นการนำสินค้าหรือไอเดียนั้นๆ ไปพัฒนาให้มีความแตกต่างจากต้นฉบับ ก็ได้

สำคัญว่า การเล่าเรื่องใหม่ และ/หรือ การพัฒนาต่อยอดนั้นๆ ควรจะมีความแตกต่างจากต้นฉบับอย่างมีนัยสำคัญ จึงพอจะเรียกได้ว่า เราไม่ได้ “เลียนแบบ” หากแต่ “ต่อยอด”

การต่อยอดสินค้าหรือไอเดียธุรกิจนั้น แก่นของสินค้าและไอเดียอาจจะไม่ต่างกัน แต่ส่วนประกอบปลีกย่อยและกระพี้ต่างหาก ที่จะเป็นตัวสร้างความแตกต่าง

ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูน่ะมีอยู่แทบทุกมุมถนน แต่ทำไมบางร้าน ขายดีเหมือนแจกฟรี ในขณะที่บางร้าน คนเสิร์ฟเยอะกว่าลูกค้า?

เพื่อนๆ ก็เรียนจบคณะเดียวกับเรา เกรดก็พอๆ กัน แต่ทำไมเค้าได้เงินเดือนเยอะกว่าเรา (ฟะ)?

หากใครบางคนคิดว่า นี่เป็นเรื่องของ “ดวง” ก็เชิญหลบอยู่ในถ้ำต่อไปครับ

แต่หากใครคิดว่า ที่เรายังไม่ก้าวหน้า น่าจะเกิดจากอะไรบางอย่างที่เราน่าจะปรับปรุงและพัฒนาได้ ก็ยินดีด้วยครับ...


เพราะนั่นแปลว่า...คุณเริ่มนับหนึ่งไปสู่ความสำเร็จครั้งใหม่แล้วครับ ^^

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...