Skip to main content

Post#3-8: มันอาจจะดีก็ได้ / มันอาจจะร้ายก็ได้

Post#3-8:
ไม่ได้เล่านิทานนานแล้ว บังเอิญไปค้นเจอเรื่องนี้ในคลังข้อมูลของผม เลยถือโอกาสมาเล่าต่อนะครับ...

กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว...มีอาแปะคนหนึ่ง เลี้ยงม้าตัวเมียไว้ตัวหนึ่ง อาชีพของแกคือ นำม้าตัวเมียไปจ้างผสมพันธุ์ และเมื่อได้ลูกม้า แกก็จะนำลูกม้าไปขาย

อยู่ต่อมาวันหนึ่ง จู่ๆ ม้าตัวเมียนั้นก็ได้หายออกไปจากบ้าน ชาวบ้านผู้มีน้ำใจได้มาแสดงความเสียใจกับอาแปะกันมากมาย เพราะอาแปะเป็นคนดีเป็นที่รักของทุกๆ คน

อาแปะได้ แสดงความขอบคุณและตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า “มันอาจจะดีก็ได้"

ต่อมาอีก 2-3 วัน ม้าตัวนั้น ก็ได้กลับมาพร้อมกับม้าตัวผู้ 1 ตัว ชาวบ้านรู้ข่าวต่างก็มาแสดงความยินดีกับอาแปะ เพราะต่อไปนี้อาแปะแค่นั่งจิบน้ำชา ก็มีลูกม้าขาย ไม่ต้องไปเสียเงินจ้างเขาผสมพันธุ์

อาแปะแสดงความขอบคุณต่อเพื่อนบ้าน และกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า "มันอาจจะร้ายก็ได้"

ต่อมาไม่นาน ลูกชายคนเดียวของอาแปะได้กระโดดขึ้นขี่หลังม้าตัวผู้ แต่ม้ากลับพยศ ทำให้ ลูกชายอาแปะตกลงมาขาหัก ชาวบ้านสงสารเพราะอาแปะ มีลูกชายเพียงคนเดียว จึงมาแสดงความเสียใจและปลอบโยนให้กำลังใจ

แต่อาแปะกลับตอบด้วยสีหน้าปกติ วาจาสุภาพเหมือนทุกครั้งว่า "มันอาจจะดีก็ได้"

บ้านของอาแปะอยู่ชายแดนมณฑลหนึ่งในเมืองจีน ซึ่งชายหนุ่มทุกคนต้องไปเป็นทหารสู้รบป้องกันบ้านเมือง แต่ด้วยเหตุที่ลูกชายอาแปะขาหักพิการ จึงไม่ สามารถไปเป็นทหารได้ จึงได้อยู่ดูแลอาแปะอย่างมีความสุข...

อ่านนิทานจบแล้วได้ข้อคิดอะไรบ้างครับ ผมให้เวลาคิด 5 นาที

...

อาจารย์วิโรจน์ (ผู้ซึ่งผมเข้าใจว่าเป็นเจ้าของเรื่อง) แสดงข้อคิดไว้ว่า คนเรานั้นมีหลายเรื่องผ่านเข้ามาในชีวิต หากเราเจอปัญหาและคิดว่ามันมืดแปดด้าน ก็อย่าเพิ่งท้อถอย เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้จะร้ายเพียงใดก็อาจนำมาซึ่งเรื่องดีๆ ก็เป็นได้

ในขณะเดียวกัน ถ้าได้สิ่งใดสมปรารถนา ก็อย่าได้ดีใจจนออกนอกหน้า เพราะมันอาจจะนำมาซึ่งเรื่องร้ายก็ได้

ขอให้ข้อความสั้นๆ ที่ว่า "มันอาจจะดีก็ได้" เป็นกำลังใจให้เราทุกคนสู้ต่อไป

และขอให้ข้อความสั้นๆ ที่ว่า "มันอาจจะร้ายก็ได้" เตือนให้เราทุกคนไม่ประมาท

...

ที่เค้าว่ากันว่า ชีวิตคนเรานั้นไม่มีอะไรแน่ ก็คงเป็นแบบนี้นี่เองล่ะครับ

ความสุขและความทุกข์มันก็มักจะแวะมาเยี่ยมเยือนเราแบบไม่ได้บอกกล่าว และจากไปโดยไม่กล่าวลาอยู่เสมอ

ถ้าเราเข้าใจเรื่องนี้ ก็จงเตือนตัวเองว่า จงอย่าเศร้าหนักหนาเมื่อความทุกข์มาเยือน และอย่าสุขจนเสพย์ติดเมื่อกำลังอยู่ในห้วงแห่งความสุข

http://www.love4home.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=111499&Ntype=6

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...