Post#3-111:
ถ้าใครติดตามอ่าน Post ของผมเป็นประจำ คงจะจำได้ว่าเราคุยกันเรื่องความฝันและเป้าหมายกันบ่อยมากๆ
และคงจะจำได้เช่นกัน ว่าผมจะเน้นย้ำว่า ถ้าปราศจากการลงมือทำแล้ว ความฝันก็จะเป็นแค่ความฝัน และเป้าหมายก็จะเป็นแค่เป้าหมาย
แต่น่าเสียดาย...ที่ส่วนใหญ่ของผู้คนบนโลกนี้ ไม่กล้าพอที่จะฝันหรือตั้งเป้าหมาย ด้วยเหตุผลหลักๆ ก็คือกลัวที่จะเปลี่ยนแปลงนั่นเอง
ไหนๆ ก็ใกล้จะปีใหม่แล้ว...คงเป็นโอกาสดีสำหรับใครก็ตามที่มีแผนจะเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ หรืออยากจะลุกขึ้นมาทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง
...
ยังไงก็ตามแต่...เราไม่ควรเอาความฝันของเราไปเทียบกับคนอื่นจนมากเกินไป เพราะขนาดของความฝันของคนเราย่อมไม่มีวันจะเท่ากัน
ถ้ามันเป็นฝันที่สร้างแรงผลักดันให้เราก้าวไปข้างหน้าได้...ก็ต้องถือว่า มันเป็นความฝันที่ดีทั้งสิ้น
บางครั้งเราก็มัวแต่จะรอให้เราพร้อมสมบูรณ์แล้วจึงค่อยเริ่มทำฝันให้เป็นจริง...แต่ในความเป็นจริง ผมก็ไม่แน่ใจว่า "ความพร้อมสมบูรณ์" นั้น หน้าตาเป็นแบบไหน?
เรารอให้ตัวเองมีความพร้อมระดับหนึ่งได้...แต่ไม่ควรยกเรื่อง "ความพร้อม" มาเป็นข้ออ้างที่จะไม่ยอมลงมือทำความฝันให้เป็นจริงเสียที
...
คำถามที่เรามักจะเฝ้าสงสัยก็คือ "เราจะทำความฝันให้เป็นจริงได้มั๊ย?" จึงเป็นคำถามที่ไม่มีใครรู้คำตอบ
แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ตราบที่ไม่เริ่มลงมือ มันก็จะเป็นได้แค่ความฝัน...ฉะนั้น เราจึงไม่ควรกังวลถึงความสำเร็จ มากไปกว่า ควรจะกังวลว่า เราจะกล้าจะเริ่มก้าวแรกได้เมื่อไหร่? ต่างหาก
ทันทีที่ลงมือทำ...เราก็ขยับเข้าใกล้ความฝัน (หรือเป้าหมาย) ได้อีกก้าวแล้วล่ะครับ และถ้าไม่ยอมแพ้ไปเสียก่อน...ก็น่าจะมีโอกาสให้เราทำความฝันให้เป็นจริงได้
แต่ถ้าเราไม่เริ่มต้นเสียที...มันก็จะเป็นแค่ "ฝัน" อยู่เรื่อยไป
...
เคยเล่นตัวต่อ Lego มั๊ยครับ?
รูปบนกล่องนั้นสวยดี...แต่ถ้าเราไม่ลงมือต่อให้เป็นรูปเป็นร่าง มันก็จะเป็นแค่ชิ้นตัวต่ออันไร้ความสง่างามใดๆ
เราไม่ต่อเองก็ไม่ได้...ให้คนอื่นมาต่อให้ ก็ไม่รู้ว่าเราจะซื้อตัวต่อมาเล่นทำไม?
ความสนุกของตัวต่อ อยู่ที่เราเป็นคนลงมือต่อมันด้วยตัวเอง ฉันใด...ความภูมิใจในฝันของเรา จึงอยู่ที่เราลงมือทำมันด้วยตัวเอง ฉันนั้น
...
ฝรั่งมีประโยคสอนใจเกี่ยวกับการลงมือทำตามฝัน ที่ผมชอบมากประโยคหนึ่ง...เค้าว่าไว้แบบนี้ครับ
"Dream as if you'll live forever, live as if you'll die tomorrow!"
แปลว่า "จงอย่าหยุดที่จะฝัน เสมือนหนึ่งว่า เจ้าจะมีชีวิตเป็นนิรันด์, จงใช้ชีวิต เสมือนหนึ่งว่า พรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายของเจ้า!"
ขอขยายความอีกหน่อยนะครับ...ประโยคนี้กำลังบอกกับเราว่า...
"จงอย่าหยุดฝัน...แต่ต้องเริ่มลงมือทันที" ครับ
ถ้าใครติดตามอ่าน Post ของผมเป็นประจำ คงจะจำได้ว่าเราคุยกันเรื่องความฝันและเป้าหมายกันบ่อยมากๆ
และคงจะจำได้เช่นกัน ว่าผมจะเน้นย้ำว่า ถ้าปราศจากการลงมือทำแล้ว ความฝันก็จะเป็นแค่ความฝัน และเป้าหมายก็จะเป็นแค่เป้าหมาย
แต่น่าเสียดาย...ที่ส่วนใหญ่ของผู้คนบนโลกนี้ ไม่กล้าพอที่จะฝันหรือตั้งเป้าหมาย ด้วยเหตุผลหลักๆ ก็คือกลัวที่จะเปลี่ยนแปลงนั่นเอง
ไหนๆ ก็ใกล้จะปีใหม่แล้ว...คงเป็นโอกาสดีสำหรับใครก็ตามที่มีแผนจะเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ หรืออยากจะลุกขึ้นมาทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง
...
ยังไงก็ตามแต่...เราไม่ควรเอาความฝันของเราไปเทียบกับคนอื่นจนมากเกินไป เพราะขนาดของความฝันของคนเราย่อมไม่มีวันจะเท่ากัน
ถ้ามันเป็นฝันที่สร้างแรงผลักดันให้เราก้าวไปข้างหน้าได้...ก็ต้องถือว่า มันเป็นความฝันที่ดีทั้งสิ้น
บางครั้งเราก็มัวแต่จะรอให้เราพร้อมสมบูรณ์แล้วจึงค่อยเริ่มทำฝันให้เป็นจริง...แต่ในความเป็นจริง ผมก็ไม่แน่ใจว่า "ความพร้อมสมบูรณ์" นั้น หน้าตาเป็นแบบไหน?
เรารอให้ตัวเองมีความพร้อมระดับหนึ่งได้...แต่ไม่ควรยกเรื่อง "ความพร้อม" มาเป็นข้ออ้างที่จะไม่ยอมลงมือทำความฝันให้เป็นจริงเสียที
...
คำถามที่เรามักจะเฝ้าสงสัยก็คือ "เราจะทำความฝันให้เป็นจริงได้มั๊ย?" จึงเป็นคำถามที่ไม่มีใครรู้คำตอบ
แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ตราบที่ไม่เริ่มลงมือ มันก็จะเป็นได้แค่ความฝัน...ฉะนั้น เราจึงไม่ควรกังวลถึงความสำเร็จ มากไปกว่า ควรจะกังวลว่า เราจะกล้าจะเริ่มก้าวแรกได้เมื่อไหร่? ต่างหาก
ทันทีที่ลงมือทำ...เราก็ขยับเข้าใกล้ความฝัน (หรือเป้าหมาย) ได้อีกก้าวแล้วล่ะครับ และถ้าไม่ยอมแพ้ไปเสียก่อน...ก็น่าจะมีโอกาสให้เราทำความฝันให้เป็นจริงได้
แต่ถ้าเราไม่เริ่มต้นเสียที...มันก็จะเป็นแค่ "ฝัน" อยู่เรื่อยไป
...
เคยเล่นตัวต่อ Lego มั๊ยครับ?
รูปบนกล่องนั้นสวยดี...แต่ถ้าเราไม่ลงมือต่อให้เป็นรูปเป็นร่าง มันก็จะเป็นแค่ชิ้นตัวต่ออันไร้ความสง่างามใดๆ
เราไม่ต่อเองก็ไม่ได้...ให้คนอื่นมาต่อให้ ก็ไม่รู้ว่าเราจะซื้อตัวต่อมาเล่นทำไม?
ความสนุกของตัวต่อ อยู่ที่เราเป็นคนลงมือต่อมันด้วยตัวเอง ฉันใด...ความภูมิใจในฝันของเรา จึงอยู่ที่เราลงมือทำมันด้วยตัวเอง ฉันนั้น
...
ฝรั่งมีประโยคสอนใจเกี่ยวกับการลงมือทำตามฝัน ที่ผมชอบมากประโยคหนึ่ง...เค้าว่าไว้แบบนี้ครับ
"Dream as if you'll live forever, live as if you'll die tomorrow!"
แปลว่า "จงอย่าหยุดที่จะฝัน เสมือนหนึ่งว่า เจ้าจะมีชีวิตเป็นนิรันด์, จงใช้ชีวิต เสมือนหนึ่งว่า พรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายของเจ้า!"
ขอขยายความอีกหน่อยนะครับ...ประโยคนี้กำลังบอกกับเราว่า...
"จงอย่าหยุดฝัน...แต่ต้องเริ่มลงมือทันที" ครับ
Comments
Post a Comment