Post#3-114:
หลายๆ ครั้งที่เราคงมีคำถามกับตัวเองว่า "ทำไมหนอ เราถึงมีแต่เรื่องร้ายๆ มาเคาะประตูเยี่ยมเยียนไม่เว้นแต่ละวัน?"
ไม่เรื่องนั้นก็เรื่องนี้ ไม่เรื่องงานก็เรื่องที่บ้าน จนดูเหมือนว่าชีวิตเรานี่มันช่างยุ่งเหยิงและวุ่นวายพาลให้ละโหยละเหี่ยเพลียใจเสียเหลือเกิน
แต่ช้าก่อนครับ...ลองคิดทบทวนดูให้ดีๆ ว่าวันคืนที่ผ่านมาน่ะ จะไม่มีวันไหนหรือคืนใดที่เรามีความสุขบ้างเลยเชียวหรือ?
...
เวลาที่เราจมอยู่ในห้วงทุกข์ จิตใจมันก็หดหู่ แล้วก็มักจะชวนให้เราเปิดลิ้นชักความทรงจำเพื่อขุดเอาแต่วันร้ายๆ มาทับถมตัวเองไปเรื่อยๆ
มันก็เหมือนกับที่บางครั้งที่เราเฝ้าสังเกตรถที่แล่นผ่านไปผ่านมาบนถนนนั่นล่ะครับ...ทำไมบางครั้งเรารู้สึกว่า รถสีนี้มีเยอะกว่าสีอื่น?
ก็เพราะเรามัวแต่เฝ้าสังเกตแต่รถสีที่ว่านั่นเอง ทำให้เราไม่ได้รู้สึกเลยว่า จริงๆ แล้วรถสีอื่นก็มีไม่น้อยไปกว่ารถสีที่เราเฝ้าสังเกต
เวลาเราเฝ้าแต่คิดถึงเรื่องทุกข์ ก็ไม่ได้ต่างไปจากการที่เราสังเกตสีของรถยนต์บนท้องถนน จนกลายเป็นสะกดจิตตัวเองไปโดยไม่รู้ตัว
...
เอาเป็นว่า เราต้องรู้ให้เท่าทันธรรมดาโลกว่า เราไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีวันร้ายๆ (หรือวันที่เรามีทุกข์) เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตได้แน่ๆ
ฝรั่งเองก็แสดงความเห็นไว้ว่า เมื่อเรารู้เท่าทันความจริงข้อนี้แล้ว วันร้ายๆ หรือความทุกข์ ก็ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์เอาเสียเลย เพราะ...
"You can't appreciate the good days without the bad ones."
แปลตามสำนวนของผมว่า "คุณจะไม่ซาบซึ้งถึงวันชื่นคืนสุข หากว่าคุณไม่เคยผ่านวันร้ายคืนหลอนมาก่อน"
...
ผมเชื่อว่า คงไม่มีคนไทยคนไหนที่ไม่เคยลิ้มรสขนมไทยนะครับ...
ขนมไทยส่วนใหญ่มักจะมีรสชาติ "หวาน" เป็นรสนำอยู่เสมอ
แล้วทราบมั๊ยครับว่า ส่วนผสมสำคัญที่จะทำให้รสชาติหวานของขนมไทยมีความกลมกล่อมลงตัวมากขึ้น จะต้องใส่ส่วนผสมใดลงไป?
คำตอบนั้น คือ "เกลือ" ครับ
หาก "เกลือ" ทำให้ "ความหวาน" กลมกล่อมขึ้นฉันใด "ความทุกข์" ก็ทำให้ "ความสุข" โดดเด่นขึ้นฉันนั้น
หลายๆ ครั้งที่เราคงมีคำถามกับตัวเองว่า "ทำไมหนอ เราถึงมีแต่เรื่องร้ายๆ มาเคาะประตูเยี่ยมเยียนไม่เว้นแต่ละวัน?"
ไม่เรื่องนั้นก็เรื่องนี้ ไม่เรื่องงานก็เรื่องที่บ้าน จนดูเหมือนว่าชีวิตเรานี่มันช่างยุ่งเหยิงและวุ่นวายพาลให้ละโหยละเหี่ยเพลียใจเสียเหลือเกิน
แต่ช้าก่อนครับ...ลองคิดทบทวนดูให้ดีๆ ว่าวันคืนที่ผ่านมาน่ะ จะไม่มีวันไหนหรือคืนใดที่เรามีความสุขบ้างเลยเชียวหรือ?
...
เวลาที่เราจมอยู่ในห้วงทุกข์ จิตใจมันก็หดหู่ แล้วก็มักจะชวนให้เราเปิดลิ้นชักความทรงจำเพื่อขุดเอาแต่วันร้ายๆ มาทับถมตัวเองไปเรื่อยๆ
มันก็เหมือนกับที่บางครั้งที่เราเฝ้าสังเกตรถที่แล่นผ่านไปผ่านมาบนถนนนั่นล่ะครับ...ทำไมบางครั้งเรารู้สึกว่า รถสีนี้มีเยอะกว่าสีอื่น?
ก็เพราะเรามัวแต่เฝ้าสังเกตแต่รถสีที่ว่านั่นเอง ทำให้เราไม่ได้รู้สึกเลยว่า จริงๆ แล้วรถสีอื่นก็มีไม่น้อยไปกว่ารถสีที่เราเฝ้าสังเกต
เวลาเราเฝ้าแต่คิดถึงเรื่องทุกข์ ก็ไม่ได้ต่างไปจากการที่เราสังเกตสีของรถยนต์บนท้องถนน จนกลายเป็นสะกดจิตตัวเองไปโดยไม่รู้ตัว
...
เอาเป็นว่า เราต้องรู้ให้เท่าทันธรรมดาโลกว่า เราไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีวันร้ายๆ (หรือวันที่เรามีทุกข์) เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตได้แน่ๆ
ฝรั่งเองก็แสดงความเห็นไว้ว่า เมื่อเรารู้เท่าทันความจริงข้อนี้แล้ว วันร้ายๆ หรือความทุกข์ ก็ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์เอาเสียเลย เพราะ...
"You can't appreciate the good days without the bad ones."
แปลตามสำนวนของผมว่า "คุณจะไม่ซาบซึ้งถึงวันชื่นคืนสุข หากว่าคุณไม่เคยผ่านวันร้ายคืนหลอนมาก่อน"
...
ผมเชื่อว่า คงไม่มีคนไทยคนไหนที่ไม่เคยลิ้มรสขนมไทยนะครับ...
ขนมไทยส่วนใหญ่มักจะมีรสชาติ "หวาน" เป็นรสนำอยู่เสมอ
แล้วทราบมั๊ยครับว่า ส่วนผสมสำคัญที่จะทำให้รสชาติหวานของขนมไทยมีความกลมกล่อมลงตัวมากขึ้น จะต้องใส่ส่วนผสมใดลงไป?
คำตอบนั้น คือ "เกลือ" ครับ
หาก "เกลือ" ทำให้ "ความหวาน" กลมกล่อมขึ้นฉันใด "ความทุกข์" ก็ทำให้ "ความสุข" โดดเด่นขึ้นฉันนั้น
Comments
Post a Comment