Skip to main content

Post#3-112: "Oh, Thailand: Sawasdee krub!"

Post#3-112: "Oh, Thailand: Sawasdee krub"
ผมมีอันต้องเดินทางไปประชุมที่กรุงย่างกุ้งแบบเช้าไปเย็นกลับ เนื่องจากมีคำสั่งจากบอร์ดบริษัทให้ไปปฏิบัติภารกิจเร่งด่วน

เดือนนี้ส่วนใหญ่ของฝรั่งทั้งหลายทั่วโลก ไม่ค่อยมีใครทำงานกัน เพราะเป็นเทศกาลวันหยุดยาวๆ เดียวที่พวกเค้ามี

ภาระนี้ จึงตกเป็นของคนไทยอย่างผมอย่างช่วยไม่ได้

...

เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ก็มีข่าวจากหน่วยงานรัฐของไทยในเมียนมาร์ เตือนคนไทยว่า ไม่ควรเปิดเผยตัวว่าเป็นคนไทย หากต้องเดินทางไปที่นั่น

เหตุก็เนื่องมาจากคดีเกาะเต่านั่นเอง...

ฟังแล้วผมก็กังวลอยู่ไม่น้อย...หากแต่ไม่ได้กังวลว่าตัวผมจะเป็นอันตราย แต่เป็นกังวลกับวิธีคิดของคนเราบางคนในปัจจุบัน

...

ถ้าการที่คนไทยจะต้องเป็นอันตรายเพราะแสดงตัวในเมียนมาร์จริงๆ...ผมก็คิดว่าตรรกะของทั้งชาวไทยและชาวเมียนมาร์ "บางคน" ที่คิดแบบนี้ คงต้องมีปัญหาอย่างมาก เพราะเป็นการพาลพาโลหาเรื่องเอากับคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่

และถ้าจะเกิดเหตุการณ์อะไรแบบนั้นขึ้นจริง มันก็จะกลายเป็นปัญหาลุกลามระหว่างประเทศแน่ๆ...

อะไรจะเกิดขึ้นกับชาวเมียนมาร์นับล้านๆ คนในไทย และอะไรจะเกิดขึ้นกับชาวไทยหลายพันคนในเมียนมาร์?

...

ทันทีที่ออกจากสนามบิน ผมก็ไปขึ้น Taxi และทันทีนั้น ผมก็โดนคนขับถามว่า "Where are you from, sir?"

ผมตอบทันทีว่า "Thailand"

แล้วคุณคนขับก็ตอบว่า..."Oh, Thailand: Sawasdee krub!"

...

หลังประชุม เพื่อนชาวเมียนมาร์ก็ชวนผมคุยเรื่องนี้เหมือนกัน เพราะข่าวมันก็ค่อนข้างดัง...ผมก็เล่าเท่าที่ผมทราบ

เพื่อนผมก็แชร์ให้ฟังว่า ชาวเมียนมาร์เองก็อยากรู้ว่า จริงๆ เรื่องราวมันเป็นยังไง แต่รัฐบาลของเค้าก็ออกมาเตือนประชาชนให้ปฏิบัติต่อคนไทยเหมือนๆ ที่เคยเป็นมา

หลายครั้งประชาชนคนธรรมดาอย่างเราๆ ก็ตกเป็นเหยื่อของการเมืองระหว่างประเทศ...ใครบางคนที่นั่น ก็แค่ออกมาพูดเพื่อให้ตัวเองได้คะแนนนิยม ตามสูตรสำเร็จทั่วไป

แต่ที่น่าเศร้าน่ะ ก็คือการที่เราบางคนไปเต้นตาม และกระพือความขัดแย้งของเรื่องๆ หนึ่ง ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่

...

ไม่ว่าเค้าจะเป็นชาติใดภาษาใดโนโลกก็ตาม ผมก็คิดว่า ส่วนใหญ่แล้ว คนเรานั้นมีสติแยกแยะถูกผิดในระดับหนึ่ง...

การจะไปเหมาว่า ชาวเมียนมาร์แย่ไปหมด เพราะคนร้าย 2 คนนั้น (ตามคำพิพากษาของศาล) ก็คงไม่ใช่

...แต่จะมาเหมาว่า คนไทยทั้งประเทศรุมใส่ร้ายคนร้าย ก็คงไม่ถูก

แยกแยะให้ดีเถิดครับ...อย่าให้ใครมาจูงจมูกเล่นอยู่เลย

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...