Skip to main content

Post#3-110: Life is just like "Marathon".

Post#3-110:
ส่วนตัวแล้ว ผมเห็นด้วยและยอมรับครับ ว่าการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ นั้น ไม่เคยง่ายเลยจริงๆ...

คงเหมือนเวลาจะอ่านหนังสือสอบนั่นล่ะครับ เวลาที่เห็นหนังสือเล่มหนาๆ แล้วเราก็พาลจะงอแงหมดแรงอ่านทุกที

แต่พอเริ่มต้นอ่านหน้าแรกได้...หน้าต่อไปมันก็ไม่ยากอย่างที่คิด และถ้าวางแผนดีๆ แค่อ่านวันละบทสองบท เราก็คงไม่ต้องไปเหนื่อยยาก อ่านแบบหารุ่งหามค่ำในช่วงใกล้ๆ สอบ

หรือตอนเช้าที่เราจะต้องตื่นไปเรียนหรือไปทำงานก็เช่นกัน...มันจะมีมือล่องหนที่ฉุดให้เราไม่อยากลุกจากที่นอน (แถวบ้านผมเรียกว่า "โรคขี้เกียจ")

แต่เมื่อต้านแรงฉุดเดินเข้าห้องน้ำได้...พอน้ำรดหัว เราก็ตาสว่างและพร้อมจะไปต่อสู้กับการเรียนหรือการงาน ได้ตามปกติ

...

แรงต้านในช่วงเริ่มต้นนี่แหละครับ ที่เป็นอะไรที่เราต้องฝ่ามันไปให้ได้...และหากลองได้เริ่มต้นแล้ว อะไรๆ มันก็ไม่ได้ยากเกินไปกว่าที่เรากลัวไว้ก่อนที่จะเริ่มต้นหรอกครับ

สังเกตดูครับ ช่วงก่อนที่เราจะออกวิ่งได้เต็มฝีเท้า เราต้องอาศัยแรงที่มากหน่อย แต่เมื่อออกวิ่งได้แล้ว เรากลับไม่ต้องออกแรงมากเท่าช่วงสตาร์ท

และถึงแม้ว่าระหว่างทาง เราเกิดพลั้งพลาดหกล้ม...ก็อย่าได้กังวลไปครับ...

ก็แค่กล้าลุกขึ้นยืน ปัดฝุ่นที่เปรอะเปื้อน ทำแผล พักเหนื่อยสักหน่อย...แล้วเราก็ออกเดิน วิ่งเหยาะๆ แล้วก็เร่งฝีเท้าได้อีกเหมือนเก่า

...แต่ต้องจำให้ดีครับ ว่าเมื่อครู่นี้ที่ล้มน่ะ เพราะอะไร...จะได้ไม่พลาดล้มอีก

...

ว่ากันตามจริงแล้ว ชีวิตของคนเรานั้น ก็เปรียบได้กับการวิ่งมาราธอนนั่นเอง...

สำหรับคนที่ไม่เคยวิ่งมาราธอนมาก่อน การตัดสินใจที่จะเข้าร่วมการแข่งขันน่ะ มันไม่ใช่ของง่ายเลยจริงๆ ครับ

ถ้าไม่เคยซ้อมมาก่อน ไม่ฟิตร่างกายให้ดี...หวังได้ยากครับ ว่าจะเข้าเส้นชัยได้

วิ่งเร็วกว่าไม่ได้แปลว่า จะเข้าเส้นชัยได้เสมอไป...มันอยู่ที่ความอดทน ความมุ่งมั่น และการต้องรู้จักวางแผน

...

แม้จะวิ่งเข้าเส้นชัยไม่ทันภายในเวลาที่เค้ากำหนดกันเป็นมาตรฐาน, แม้จะไม่ได้เหรียญ, ไม่ได้รางวัล, ไม่ได้ของขวัญ...

แต่ในชีวิตจริงนั้น จะวิ่งเข้าเส้นชัยได้เป็นที่เท่าไหร่ กลับไม่สำคัญเท่ากับว่า จะวิ่งเข้าเส้นชัยได้หรือไม่ จริงมั๊ยล่ะครับ?

ว่าแล้วก็ออกวิ่งกันต่อเถอะครับ...เส้นชัยยังอีกไกลลิบๆ นู่นเลย...

สู้ๆ ครับ

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...