Skip to main content

Posts

Showing posts from March, 2018

Post#5-206: ชัดเจนในความไม่ชัดเจน

Post#5-206: หนึ่งในบรรดาเรื่องที่ลูกน้องหรือทีมงาน ไม่ค่อยจะปลาบปลื้มหรือชื่นชมสักเท่าไร ก็คือเรื่องของ “ ความชัดเจน ” ของเจ้านายหรือหัวหน้างาน หมายความว่า เมื่อใดก็ตาม ที่ได้รับคำสั่งที่ “ ไม่ชัดเจน ” หรือ “ คลุมเครือ ”... เมื่อนั้น พวกเค้าก็จะอึดอัดใจ ด้วยความที่ไม่รู้ ว่าจะต้องเดินยังไงกันต่อดี ดังนั้น เจ้านายทั้งหลาย จึงควรที่จะทบทวนตัวเองดูให้ดีครับ ... ว่าเราเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผลงานออกมาไม่ดี เพราะความไม่ชัดเจนของตัวเราเองรึเปล่า ? ... จริงอยู่ ที่เจ้านายเองก็มีเจ้านายที่เหนือขึ้นไปอยู่เช่นกัน ... และบ่อยครั้ง ที่เจ้านายเองก็ได้รับคำสั่งที่คลุมเครือจากข้างบนมาอีกทอดหนึ่ง เอาจริงๆ มันก็เกิดขึ้นได้ครับ ... แต่การสั่งงานต่อโดยที่ตัวเองก็ยังไม่ชัดเจนนั้น ก็ไม่น่าจะถือเป็น “ เหตุผล ” ที่จะหยิบยกมาเป็น “ ข้อแก้ตัว ” ได้ หากได้รับคำสั่งที่ไม่ชัดเจน ... เราก็มีหน้าที่ที่จะต้องทำให้มัน “ ชัดเจน ” ก่อนที่จะสั่งงานต่อ หาไม่แล้ว “ เป้าหมาย ” ที่เรากำหนดให้กับลูกน้อง ก็จะไม่มีวันถูกต้องกับ “ เป้าหมาย ” ที่เจ้านายต้องการ ไปได้ ... ...

Post#5-205: เมื่อถังน้ำรั่ว...?

Post#5-205: ด้วยความที่ผมมีลูกน้องค่อนข้างมาก ... เลยมีโอกาสได้รับฟังข้อมูลที่ค่อนข้างมากอยู่สักหน่อย บ่อยครั้งที่ผมก็ฟังไปก็อมยิ้มไป ... เพราะแยกไม่ออกว่า ลูกน้องกำลัง “ ให้ข้อมูล ” หรือกำลัง “ บ่น ” อยู่กันแน่ ฟังทีมโน้นก็บ่นทีมนี้ เช่นเดียวกับที่ฟังทีมนี้ก็บ่นทีมโน้น ... แทบจะเป็นเรื่องปกติที่ต้องได้ยินว่า ความผิดพลาดมาจากทีมอื่น ไม่ใช่ทีมของผมหรือทีมของหนู เสียหน่อย แต่เท่าที่ฟังมานานหลายปี ... น้อยครั้งมากๆ ที่จะได้ยินทีมไหน “ บ่น ” หรือ “ ยอมรับ ” ว่าทีมตัวเองนั่นล่ะ ที่ทำงานผิดพลาด ... เอาจริงๆ ผมก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจ ที่ต่างก็โทษกันไปโทษกันมา ... เพราะนี่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ที่ไม่ชอบชี้เข้าหาตัวเอง เท่าที่ผมวิเคราะห์ดู ... ส่วนใหญ่ที่ต่างก็โทษทีมอื่นน่ะ เป็นเพราะเรายังไม่เข้าใจงานของทีมอื่นๆ เสียมากกว่า โดยมาก เมื่อต่างได้อธิบายข้อจำกัดและปัญหาที่แต่ละทีมต้องเจอแล้ว ... ก็มักจะปรับความเข้าใจกันได้ในที่สุด และแน่นอนว่า วัฏจักรแห่งความไม่เข้าใจกันแบบนี้ มันก็ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ... ตราบเท่าที่ ต้นตอของปัญหาของแต่ละทีม ยังไ...

Post#5-204: Quote เท่ๆ

Post#5-204: Albert Einstein กล่าวไว้ว่า ... “Immagination is more imporatant than knowledge.” หรือที่เราได้ยินจนชินหูว่า “ จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ ” นั่นเองครับ ถามตัวเองดูทีครับ ... เราเชื่อที่ Einstein ว่าไว้มั๊ยเอ่ย ? ถ้าเชื่อ ... ก็แปลว่า เราไม่ต้องเรียนหนังสือก็ได้ งั้นสิ ? ... เปล่าครับ ... Einstein น่ะ แค่บอกว่า “ สำคัญกว่า ”... ไม่ได้บอกว่า เราไม่ต้องเรียนหนังสือเพื่อให้มีความรู้ สักหน่อย บ่อยครั้งและมากหน ... เราก็มักจะตีความกันผิดๆ ... พาให้เข้าใจผิดแบบ “ เข้ารกเข้าพง ” ไปเสีย ... ถ้าค่อยๆ อ่าน และค่อยๆ ตีความ ... เราจะพบว่า Einstein กำลังสอนเราว่า เราจำเป็นต้องใช้จินตนาการต่อยอดจากความรู้ที่เรามี ต่างหาก เพราะมีความรู้อย่างเดียว ก็เปรียบเสมือนตุนวัตถุดิบไว้ในตู้เย็น ... ถึงมีเยอะก็ทำให้ท้องอิ่มไม่ได้ จนกว่า จะนำวัตถุดิบมาปรุงให้เป็นอาหารนั่นล่ะ ... ประโยชน์จากวัตถุดิบจึงจะแสดงคุณค่าออกมา แปลว่า ความรู้ที่เราเก็บไว้ในคลังสมอง จะกลายมาเป็นวิชาหาเลี้ยงชีพได้ ... ก็ต่อเมื่อเราจินตนาการออกว่า จะแปลงคว...

Post#5-203: Symphony of Harmony

Post#5-203: เมื่อเย็นวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ... ผมมีโอกาสได้ไปอยู่ในงานมอบรางวัล Thailand International Wind Symphony Competition 2018 (TIWSC 2018) ดูแล้วก็ได้แต่ทึ่งกับศักยภาพของเด็กไทย ... ที่ต้องถือว่า มีฝีไม้ลายมือไม่แพ้ชาวต่างชาติเลยล่ะครับ เอาจริงๆ ก็คงเป็นอย่างที่หลายๆ คน เคยพูดเอาไว้ ... ว่าคนไทยก็เจ๋งไม่แพ้คนชาติไหนในโลก ... ในบรรดาการประกวดดนตรีที่หลากหลาย ... แบบ Symphony นี่ต้องถือเป็นที่สุดของการแข่งขันทางดนตรีที่ถือว่าตื่นตาตื่นใจที่สุดแล้วครับ ( อย่างน้อยก็สำหรับผม ) เพราะนอกจากแต่ละคนในวง จะต้องมีฝีมือระดับ “ เทพ ” แล้ว ... ยังต้องเล่นให้สอดประสานกับเพื่อนร่วมวงคนอื่นๆ ด้วย แค่เครื่องดนตรีแต่ละชิ้น ก็สร้างความสุนทรียรสให้แก่จักษุประสาทและโสตประสาท มากแล้ว ... แต่การได้ดูและสดับความกลมกลืนของเครื่องดนตรีกว่า 70 ชิ้น บรรเลงร่วมกันนี่ ... หากไม่สร้างความประทับใจ ก็ต้องบอกว่าใครคนนั้น ต้องใจกระด้างน่าดู ... แล้วถ้าเราสามารถทำให้การทำงานในองค์กร กลายเป็น Symphony ได้ล่ะ ? คิดดูทีครับ ... ว่าศักยภาพขององค์กรจะยกระดับไป...

Post#5-202: ทำแล้วขยายผลได้มั๊ย?

Post#5-202: ใครที่รู้จักผม ... จะรู้ดีว่าผมเป็นคน “ ซน ” ที่ชอบทำเรื่องนั่น นู่น นี่ อยู่เรื่อยๆ หลายเรื่อง ผมก็ล้มเหลวอย่างย่อยยับ ... และอีกหลากเรื่อง ที่ผมก็ทำสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่สำเร็จหรือล้มเหลวก็แล้วแต่ ... ก่อนจะตัดสินใจลงมือทำ ผมจะถามตัวเองเสมอว่า เมื่อทำลงไปแล้ว จะสามารถต่อยอดหรือขยายผลได้มั๊ย ? ... แปลว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มีโอกาสสำเร็จมากแค่ไหน ... ถ้ามันนำมาต่อยอดหรือขยายผลไม่ได้ ผมจะไม่ลงมือทำมันแน่ๆ แม้ว่า บางเรื่องมันจะเป็นเรื่องที่ท้าทาย “ ต่อมซุกซน ” มากแค่ไหน ก็ตาม โดยเฉพาะเมื่อเราเป็นเจ้าของหรือผู้บริหารองค์กร ... เรื่องที่มันท้าทายเรา แต่ส่งผลกระทบต่อทุกคนในองค์กรนี่ ผมจะเลือก “no go” มากกว่าที่จะ “go” ... มื้อกลางวัน ... ผมก็คุยกับเพื่อนรุ่นพี่ที่มีความเป็น Solopreneur สูง และเมื่อมีความเป็น Solopreneur สูง ... ก็เลยมีความซนที่บางครั้งก็ยากที่คนรอบข้างและทีมงาน จะเข้าใจและตามทัน ด้วยความรักและเป็นห่วง ... ผมก็เลยต้องเตือนพี่เค้าไป ด้วยเรื่องที่ผมจั่วหัวไว้ล่ะครับ ว่าถ้าท...

Post#5-201: เราเรียนรู้อะไร จากความแพ้พ่าย?

Post#5-201: แม้ว่าจะไม่มีใครชอบความพ่ายแพ้ ... หากแต่เราทุกคนก็ต่างรู้ดี ว่าเราอาจไม่มีวันหลีกเลี่ยงที่จะพบกับมันเข้าในสักวัน มันอาจมาเยือนเราในอีกชื่อหนึ่ง ... ที่เรียกว่า “ ความล้มเหลว ” ได้ด้วยเช่นกัน เอาจริงๆ ไม่ว่าจะเรียกมันว่า “ ความแพ้พ่าย ” หรือ “ ความล้มเหลว ”... ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีด้านดีๆ ให้เรานำมาใช้ประโยชน์ ... ลองถามตัวเองให้ดีครับ ว่าตกลงแล้ว ... เราเรียนรู้อะไร จากความแพ้พ่าย กันบ้าง ? เคยถามตัวเองมั๊ยครับ ว่าการที่เราแพ้บ่อยๆ หรือล้มเหลวบ่อยๆ นั้น ... มันเกิดจากเหตุใดกันหนอ ? ถ้ายังไม่เคยฉุกใจคิด หรือคิดแล้ว แต่ยังไม่ได้คำตอบ ... ก็ไม่ต้องแปลกใจไปหรอกครับ ว่าทำไมเราจึงยังสะกดคำว่า “ ชนะ ” หรือ “ สำเร็จ ” ไม่เป็น ... ดังนั้น ในทุกๆ ครั้ง ที่รู้สึกได้ว่า เราแพ้พ่าย หรือล้มเหลว ... เราต้องไม่ลืมที่จะต้องถามและตอบตัวเองอย่างตรงไปตรงมา ว่าเรารู้หรือไม่ ว่าความแพ้พ่าย หรือความล้มเหลว ที่พึ่งลิ้มรสไปน่ะ ... มันมีส่วนผสมและวิธีปรุงอย่างไร ? อ่อนเปรี้ยว , หย่อนเค็ม , ขาดหวาน หรือต้องเติมความจัดจ้านของรสเผ็ด ? ...