Post#5-202:
ใครที่รู้จักผม...จะรู้ดีว่าผมเป็นคน “ซน” ที่ชอบทำเรื่องนั่น นู่น นี่ อยู่เรื่อยๆ
หลายเรื่อง ผมก็ล้มเหลวอย่างย่อยยับ...และอีกหลากเรื่อง ที่ผมก็ทำสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่สำเร็จหรือล้มเหลวก็แล้วแต่...ก่อนจะตัดสินใจลงมือทำ ผมจะถามตัวเองเสมอว่า เมื่อทำลงไปแล้ว จะสามารถต่อยอดหรือขยายผลได้มั๊ย?
...
แปลว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มีโอกาสสำเร็จมากแค่ไหน...ถ้ามันนำมาต่อยอดหรือขยายผลไม่ได้ ผมจะไม่ลงมือทำมันแน่ๆ
แม้ว่า บางเรื่องมันจะเป็นเรื่องที่ท้าทาย “ต่อมซุกซน” มากแค่ไหน ก็ตาม
โดยเฉพาะเมื่อเราเป็นเจ้าของหรือผู้บริหารองค์กร...เรื่องที่มันท้าทายเรา แต่ส่งผลกระทบต่อทุกคนในองค์กรนี่ ผมจะเลือก “no go” มากกว่าที่จะ “go”
...
มื้อกลางวัน...ผมก็คุยกับเพื่อนรุ่นพี่ที่มีความเป็น Solopreneur สูง
และเมื่อมีความเป็น Solopreneur สูง...ก็เลยมีความซนที่บางครั้งก็ยากที่คนรอบข้างและทีมงาน จะเข้าใจและตามทัน
ด้วยความรักและเป็นห่วง...ผมก็เลยต้องเตือนพี่เค้าไป ด้วยเรื่องที่ผมจั่วหัวไว้ล่ะครับ
ว่าถ้าทำแล้วตอบสนองแค่ “ความซน” ของเรา...แต่นำไปต่อยอดหรือขยายผลไม่ได้ แล้วเราจะซนไปเพื่ออะไร?
...
หากเราอยู่ตัวคนเดียว...ทำคนเดียว เจ๊งคนเดียว หรือรุ่งคนเดียว...แบบนี้ อยากซนยังไง ก็เอาเลยครับ
แต่เมื่อเราเป็นคนนำองค์กร...เราต้องคิดให้มากๆ หน่อย เพราะเมื่อเป็นองค์กรแล้ว ทุกคนในองค์กรล้วนมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของ
แปลว่า แม้จะเป็นเจ้าของ ก็ใช่จะบริหารองค์กรตามใจได้ทุกสิ่งทุกอย่าง
...
จริงอยู่ ที่การจะเป็นเจ้าของ หรือเป็นเจ้านายนี่...เป็นได้ไม่ง่าย
แต่การเป็นหุ้นส่วน หรือเป็นผู้นำน่ะ...ใช้คำว่า “ยาก” ได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยล่ะครับ
องค์กรต้องมีเจ้าของและลูกจ้าง, ต้องมีเจ้านายและลูกน้อง หรือต้องมีทั้งผู้นำและผู้ตาม
ขาดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไป ต่อให้เติบโต, มั่งคั่ง...ยังไงก็ไม่มีทางยั่งยืน
...ดังนั้น ถ้าคิดจะซนทำอะไร อย่าลืมคิดถึงผลกระทบที่มีต่อทีมงานและองค์กรให้มากๆ นะครับ...
#NoteToSelf:
- หากเป็น “หมาป่าเดียวดาย” จะ “ซน” ยังไงก็ได้...แต่เมื่อเป็น “จ่าฝูง” ก็จำต้องคิดถึงฝูงก่อนตัวเอง
- อยากไปเร็ว ก็ไปคนเดียว...อยากไปยั่งยืน ต้องไปเป็นทีม
- บางครั้ง “มั่นคง” ก็สำคัญกว่า “มั่งคั่ง”
Comments
Post a Comment