Skip to main content

Post#5-185: เก่งอะไรดี?

Post#5-185:
ถ้าให้เลือกระหว่างเก่งคำนวณกับเก่งภาษา...เราจะเลือกอะไรดีครับ?

หลายๆ คนที่เคยได้ยินเรื่องของทฤษฎีสมองซีกซ้ายและขวา มาบ้าง...คงพอจะทราบว่า ความสามารถ 2 ทางนี้ ไม่ได้ไปในทางเดียวกัน

แปลว่า ถ้าเก่งคำนวณ ก็มักจะอ่อนภาษา...และถ้าเก่งภาษา ก็มักจะอ่อนคำนวณ

ลองนึกถึงตัวเองดูก็ได้ครับ ว่าทฤษฎีนี้ เป็นจริงมากน้อยเพียงใด?

...

ลองนึกตามดูแล้ว...เห็นจริงตามทฤษฎีมั๊ยครับ?

ไม่ว่าใครจะถนัดคำนวณหรือภาษาก็ตามแต่...หากว่า ถ้าเลือกได้ล่ะครับ...เราอยากจะถนัดเรื่องไหนมากกว่ากัน?

ผมว่า หลายๆ คน คงจะเลือกเหมือนกับผม...นั่นก็คือ เลือกที่จะถนัดด้านภาษา

ผมลองถามหลายๆ คน ก็ให้เหตุผลคล้ายๆ กันว่า...เพราะถ้าเก่งภาษา เราจะสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันและชีวิตการทำงานได้มากกว่า

ผมเองก็ออกจะเห็นด้วยไม่น้อย

...

ยังไงก็ตามแต่...การที่จะสรุปว่าเราเก่งภาษาได้นั้น...ไม่ได้หมายความว่า แค่อ่านได้, เขียนได้ หรือฟังออก เพียงเท่านั้น

แต่ยังต้องหมายความว่า เราต้องมีความเข้าใจในสิ่งที่อ่าน, พูด และฟัง ด้วยเช่นกัน

แปลตรงๆ ก็คือถ้าอ่านได้, เขียนได้ หรือฟังออก...แต่ตีความไม่ออก, ไม่เข้าใจความหมาย หรือนำมาต่อยอดไม่ได้

...ก็แปลว่าไร้ค่า

เสมือนเราอ่านหนังสือจบไปเป็นร้อยๆ พันๆ เล่ม...แต่ไม่ได้ซึมซับ, คิดตาม และเข้าใจเนื้อหาเลย ก็เท่ากับอ่านไปเสียเวลาเปล่าๆ

นี่เอง ที่หนอนหนังสือหลายๆ คน...จึงลงท้ายด้วยการกลายเป็นพวกความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด

ไม่ว่าจะเก่งคำนวณหรือเก่งภาษา...หากแต่นำมาต่อยอดไม่เป็น...ก็อดตาย

...แต่แม้จะไม่เก่งคำนวณหรืออ่อนภาษา...หากแต่รู้คิด...ยังไงก็เอาตัวรอดได้แน่ๆ...

#NoteToSelf: 

  • เกิดมาไม่เก่ง เป็นเรื่องธรรมดา...แต่ตายแบบไม่เก่ง เป็นเรื่องความโง่ล้วนๆ
  • พยายามแทบตายยังไม่เก่ง...เป็นเรื่องของฟ้า แต่ไม่พยายามจะเก่ง...เป็นเรื่องของใครหนอ?
  • ความถนัดเกิดจากความพยายามในการฝึกฝน...จะเก่งเมื่อไหร่ ยังไม่สำคัญเท่ากับ จะเริ่มเมื่อไหร่?
  • เอ้า จะรออะไรอยู่ล่ะ...เริ่มต้นเลยสิ!

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...