Post#297:
ต้องยอมรับว่า ในการทำงานทุกวันนี้ ไม่ว่าใครก็คงหนีไม่พ้นคำว่า "แรงกดดัน"
เวลาพูดถึงคำนี้ คนส่วนใหญ่จะนึกถึงภาพพนักงานตำแหน่งเล็กๆ ที่เป็นเหมือนคนที่รองรับอารมณ์ของเจ้านาย แต่แท้ที่จริงแล้ว คนที่อยู่ในตำแหน่งสูงๆ ก็มีแรงกดดันที่ไม่ต่างกัน หรือบางทีอาจจะมากกว่า เพราะการตัดสินใจของผู้บริหารระดับสูง กระทบกับทุกๆ คนในองค์กร และต้องรับแรงกดดันจากภายนอกแทนทุกคนในองค์กร
ว่ากันตามจริงแล้ว แรงกดดัน ที่พอเหมาะพอควร ถือเป็นแรงกระตุ้นชั้นดีให้คนเราเกิดความมุมานะ อยากจะเอาชนะ อยากจะทำให้อะไรๆ มันดีขึ้น เหมือนกับเวลาเราออกแรงกดสปริงแล้วทำให้สปริงเด้งขึ้นมา แต่ถ้าใส่แรงกดดันมากเกินไป ก็อาจกลายเป็นผลลบ กลายเป็นบั่นทอนกำลังใจหรือสร้างความยุ่งยากใจให้กับคนที่รับแรงกดดันนั้น เสมือนเราออกแรงกดสปริงมากเกินไป แทนที่จะทำให้สปริงเด้งสูงขึ้น กลายเป็นทำให้สปริงนั้นเสียหายใช้การไม่ได้
เราประคบประหงมลูกน้องมากเกินไปก็ไม่ดี เราใส่แรงกดดันมากเกินไปก็ไม่เหมาะ แล้วเรื่องแบบนี้มันก็เป็นเรื่อง subjective แปลว่า ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล กับเรื่องบางที่เราคิดว่ากดดันมากกกก เค้ากลับผ่านมันไปได้แบบชิลด์ๆ แต่บางเรื่องเราเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กๆ กดดันนิดๆ หน่อยๆ แต่กับบางคนเค้าซีเรียสจนขอลาออกไปก็มีให้เห็นอยู่เยอะ
เรื่องไหนเป็นเรื่องเล็กเรื่องเป็นเรื่องใหญ่ เถียงกันให้ตายก็ไม่จบ เอาเป็นว่าทั้งนายทั้งลูกน้องก็หมั่นสังเกตกันและกันนะครับ เรื่องไหนรู้ว่าอีกฝ่ายซีเรียส เลี่ยงได้ก็เลี่ยงเถอะครับ จะได้อยู่ด้วยกันนานๆ
สำคัญที่สุดคือ ถ้ามีอะไรที่สงสัยหรือไม่สบายใจกับแรงกดดันที่มี หรือเป็นเรื่องที่เราไม่ชอบให้ใครมาแตะ ควรหาจังหวะและโอกาสพูดกันตรงๆ ครับ อย่าไปมัวเก็บมาคิดให้มันวุ่นวาย เพราะจะทำให้ วันทั้งวันไปจมอยู่กับการคิดมากและคิดไปเอง ทำร้ายตัวเองไปเปล่าๆ ปลี้ๆ
ทำงานอยู่กับคน มันก็วุ่นวายแบบนี้ล่ะครับ >_<"
Comments
Post a Comment