Skip to main content

Post#313: เด็กหงส์ vs เด็กผี

Post#313:
จู่ๆ ผมก็คิดถึงทีมฟุตบอลทีมโปรดขึ้นมาซะอย่างนั้น

เป็นเรื่องถกเถียงกันมาช้านานระหว่างแฟนหงส์กับแฟนผี ว่าทีมไหนยิ่งใหญ่กว่ากัน?

เด็กหงส์มักจะพูดถึงความสำเร็จในอดีต ส่วนเด็กผีก็มักจะสู้ด้วยประโยคที่ว่า ปัจจุบันชั้นเจ๋งกว่า (ยกเว้นฤดูกาลที่เพิ่งจะผ่านไป ที่สร้างฮีโร่คนใหม่ที่มีตำแหน่งเป็น ผจก.เด็กผี ที่เด็กหงส์รักที่สุด ชิ)

ผลงานล่าสุดของทั้ง 2 ทีม ทำให้ช่วงไม่กี่เดือนมานี้ เด็กหงส์กับเด็กผี กลับข้างกัน คือเด็กหงส์อวดว่า หงส์เป็นทีมที่ดีกว่า ในขณะที่เด็กผีก็เถียงขาดใจว่า ก่อนหน้านั้นหลายๆ ฤดูกาล ผีเจ๋งกว่าต่างหาก -"-

สรุปแล้วก็ "เกรียน" พอกันทั้งคู่

แล้วเรื่องนี้มาเกี่ยวอะไรกับผม แล้วผมเรียนรู้อะไรจากความ "เกรียน" นี้ ^^

ผมก็ได้ข้อคิดที่ว่า ไม่ว่าเราจะเคยทำอะไรสำเร็จมากี่เรื่อง ก็ไม่ได้หมายความว่า เรื่องที่กำลังทำอยู่จะสำเร็จ และไม่ว่าเราจะแพ้มากี่ครั้ง ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะแพ้ตลอดไป ตัวอย่างก็เห็นแล้ว ผ่าน 2 ทีมผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตและปัจจุบันนี้

แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ทั้ง 2 ทีมเรียนรู้อะไรจากผลงานที่เพิ่งผ่านพ้นไปกันแน่?

การก้าวขึ้นมาเป็นทีมอันดับ 2 ของเด็กหงส์ จะกลายเป็นบันไดก้าวแรกสู่ความสำเร็จยุคใหม่ได้มั๊ย หรือจะแค่เป็นความสำเร็จประเดี๋ยวประด๋าว ทุกอย่างล้วนแต่ขึ้นอยู่กับ "ความรู้สึกที่ทีมหงส์มีต่อความสำเร็จ"

ส่วนทีมรักของผม...หรือนี่จะเป็นก้าวแรกแห่งความเสื่อมสลายของความยิ่งใหญ่ในยุคปัจจุบัน หลังจากที่ประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นเวลาเข้าสู่ขาลงรึเปล่า แล้วฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นนี้ เด็กผีจะได้หัวเราะหรือร้องไห้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับ "ความรู้สึกที่เด็กผีมีต่อความล้มเหลวที่ผ่านมา"

เมื่อชนะจงอย่าหลงลำพอง เมื่อพ่ายแพ้จงอย่าจมอยู่กับความเศร้า อดีตมิใช่ตัวบ่งชี้อนาคต ปัจจุบันต่างหากเป็นตัวกำหนดชะตา

ถ้าทั้ง 2 ทีม รู้จักเรียนรู้จากอดีต ก็มีโอกาสสูงที่ฤดูกาลที่กำลังจะเริ่มต้น จะกลายเป็นฤดูกาลที่ดีของทั้งคู่ แต่ถ้าหงส์ลำพองและผีจมทุกข์ รับรองว่าได้กอดคอกันล้มเหลวอย่างค่อนข้างแน่

เอ...เห็นทีผมน่าจะหันไปเชียร์จิ้งจอกซะดีกว่ากระมังครับ >_<"

หมายเหตุ: วันที่ 27 ก.ค. นี้ เลสเตอร์ มีคิวดวลแข้งกับ เอฟเวอตัน ที่สนามศุภฯ นะครับ ไปเชียร์ทีมของคนไทยกันนะครับ (Facebook/Leicester Thailand Fan Club)


* ขออภัย Fanpage ที่ไม่รู้เรื่องวงการฟุตบอลด้วยนะครับ

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...