Post#311:
ช่วงเย็นวันนี้ ผมไปลงพื้นที่ดูจุดตั้งร้านค้ากับทีมงาน ระหว่างเดินทางก็เจอสภาพรถติดค่อนข้างสาหัส
เราก็คุยงานไป คุยเรื่องสัพเพเหระฆ่าเวลาไป หมดเรื่องคุยก็แน่นอนว่าไม่พลาดการเข้าไปส่อง social media ทั้งหลายแหล่ (ซึ่งดูเหมือนเป็นกิจวัตรของทุกๆ คนไปแล้ว)
ว่ากันที่จริง ผมก็ได้ความรู้และข้อมูลดีๆ จาก social media ต่างๆ ไม่น้อย หลายต่อหลายครั้งก็ได้ต่อยอดทางความคิดจาก post ต่างๆ และอดไม่ได้ที่จะหยิบมาแบ่งปันทุกท่าน ^^
วันนี้ก็เป็นอีกครั้ง ที่ผมไปเจอ post หนึ่ง ที่ต้องบอกว่า ทำให้เกิดโมเม้นต์ในสมอง อารมณ์ประมาณ "ยูเรก้า" หรือเรียกว่า บรรลุโดยฉับพลัน
วาทะที่อยากนำมาแชร์นั้น ว่าไว้ว่า "การทำชีวิตให้มีความสุขก็คือ ใครชื่นชมก็ไม่ลอยขึ้นฟ้า ใครนินทาก็ไม่จมลงดิน ทำใจให้เหมือนตาข่ายรับลม สัมผัสรู้ตัวตนของลม แต่ไม่เคยเก็บลมไว้ภายใน"
ผมก็ไม่ทราบว่า ใครเป็นผู้กล่าวไว้ แต่อยากจะเชื่อว่า ผู้กล่าวน่าจะเป็นผู้ทรงศีล เพราะข้อความข้างต้น แฝงนัยแห่งความเข้าใจธรรมะอย่างเต็มเปี่ยม
การสัมผัสรู้ตัวตนของลม ก็เสมือนการที่เรารู้ว่าเราเกิดผัสสะต่อสิ่งที่มากระทบ และไม่ว่าผัสสะนั้น จะเป็นทุกข์หรือสุขก็ตาม ก่อนที่เราจะเกิดความยึดติดแห่งความทุกข์หรือสุขนั้น เราก็วางความยึดติดในอารมณ์นั้นเสีย เสมือนตาข่ายที่รู้ว่ามีลมมากระทบ แต่ลมนั้นก็ผ่านไปแทบจะทันทีที่มากระทบตาข่ายนั้นแล
เรารู้มั๊ยว่าทุกข์ ตอบว่ารู้ เรารู้มั๊ยว่าสุข ก็ตอบว่ารู้ แต่เมื่อรู้แล้ว ปลงได้ทัน วางได้ลง จะทุกข์หรือสุขก็ผ่านไป
ผู้มีความสุข จึงมิใช่ผู้ไม่เคยทุกข์ หากแต่เป็นผู้ที่รู้เท่าทันความทุกข์ และมิได้อนุญาตให้ความทุกข์มาเกาะกุมหัวใจต่างหาก
ผู้มีความสุข จึงเป็นผู้ที่เข้าใจว่า แม้ความสุขเองก็เป็นเรื่องชั่วคราว เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นอนิจจัง จึงวางความอาลัยยึดติดในสุขนั้นได้
เมื่อใจเป็นตาข่ายรับลม จึงยอมให้ทั้งความทุกข์และสุขผ่านเข้ามา...แล้วก็ผ่านไป
สาธุ สาธุ สาธุครับ ^^
cr: instagram/ธรรมทาน
ช่วงเย็นวันนี้ ผมไปลงพื้นที่ดูจุดตั้งร้านค้ากับทีมงาน ระหว่างเดินทางก็เจอสภาพรถติดค่อนข้างสาหัส
เราก็คุยงานไป คุยเรื่องสัพเพเหระฆ่าเวลาไป หมดเรื่องคุยก็แน่นอนว่าไม่พลาดการเข้าไปส่อง social media ทั้งหลายแหล่ (ซึ่งดูเหมือนเป็นกิจวัตรของทุกๆ คนไปแล้ว)
ว่ากันที่จริง ผมก็ได้ความรู้และข้อมูลดีๆ จาก social media ต่างๆ ไม่น้อย หลายต่อหลายครั้งก็ได้ต่อยอดทางความคิดจาก post ต่างๆ และอดไม่ได้ที่จะหยิบมาแบ่งปันทุกท่าน ^^
วันนี้ก็เป็นอีกครั้ง ที่ผมไปเจอ post หนึ่ง ที่ต้องบอกว่า ทำให้เกิดโมเม้นต์ในสมอง อารมณ์ประมาณ "ยูเรก้า" หรือเรียกว่า บรรลุโดยฉับพลัน
วาทะที่อยากนำมาแชร์นั้น ว่าไว้ว่า "การทำชีวิตให้มีความสุขก็คือ ใครชื่นชมก็ไม่ลอยขึ้นฟ้า ใครนินทาก็ไม่จมลงดิน ทำใจให้เหมือนตาข่ายรับลม สัมผัสรู้ตัวตนของลม แต่ไม่เคยเก็บลมไว้ภายใน"
ผมก็ไม่ทราบว่า ใครเป็นผู้กล่าวไว้ แต่อยากจะเชื่อว่า ผู้กล่าวน่าจะเป็นผู้ทรงศีล เพราะข้อความข้างต้น แฝงนัยแห่งความเข้าใจธรรมะอย่างเต็มเปี่ยม
การสัมผัสรู้ตัวตนของลม ก็เสมือนการที่เรารู้ว่าเราเกิดผัสสะต่อสิ่งที่มากระทบ และไม่ว่าผัสสะนั้น จะเป็นทุกข์หรือสุขก็ตาม ก่อนที่เราจะเกิดความยึดติดแห่งความทุกข์หรือสุขนั้น เราก็วางความยึดติดในอารมณ์นั้นเสีย เสมือนตาข่ายที่รู้ว่ามีลมมากระทบ แต่ลมนั้นก็ผ่านไปแทบจะทันทีที่มากระทบตาข่ายนั้นแล
เรารู้มั๊ยว่าทุกข์ ตอบว่ารู้ เรารู้มั๊ยว่าสุข ก็ตอบว่ารู้ แต่เมื่อรู้แล้ว ปลงได้ทัน วางได้ลง จะทุกข์หรือสุขก็ผ่านไป
ผู้มีความสุข จึงมิใช่ผู้ไม่เคยทุกข์ หากแต่เป็นผู้ที่รู้เท่าทันความทุกข์ และมิได้อนุญาตให้ความทุกข์มาเกาะกุมหัวใจต่างหาก
ผู้มีความสุข จึงเป็นผู้ที่เข้าใจว่า แม้ความสุขเองก็เป็นเรื่องชั่วคราว เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นอนิจจัง จึงวางความอาลัยยึดติดในสุขนั้นได้
เมื่อใจเป็นตาข่ายรับลม จึงยอมให้ทั้งความทุกข์และสุขผ่านเข้ามา...แล้วก็ผ่านไป
สาธุ สาธุ สาธุครับ ^^
cr: instagram/ธรรมทาน
Comments
Post a Comment