Post#318:
เมื่อครู่นี้ผมมีโอกาสได้นั่งทานข้าวกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ท่านเป็นนักธุรกิจระดับหลายหมื่นล้าน แต่ก็ยังกรุณาให้เกียรติเชิญผมมาทานมื้อค่ำด้วย
ความโชคดีหนึ่งของผมก็คือ มีโอกาสอันดีบ่อยๆ ที่ผู้ใหญ่หลายท่านให้ความเอ็นดู เรียกใช้บ้าง เรียกมาทานข้าวบ้าง ทำให้ผมมีโอกาสได้เรียนรู้อะไรดีๆ จากท่านทั้งหลายอยู่เสมอ
อย่างที่ผมเคยแชร์ไว้ (Post#271) ผู้ใหญ่แต่ละท่านที่ผมมีวาสนาได้พบ ล้วนแต่เป็นผู้ถ่อมตนและเป็นกันเอง ผู้ใหญ่ท่านที่ผมเจอวันนี้ก็ไม่ต่างกัน หัวข้อสนทนาที่ได้คุยกับท่านค่อนข้างหลากหลาย ตั้งแต่เรื่องเฮๆ ฮาๆ ชีวิตครอบครัว สภาพเศรษฐกิจ ไปจนกระทั่งแนวโน้มธุรกิจ
เมื่อก่อนเวลาผมคุยกับผู้ใหญ่ระดับนี้ ผมอดสงสัยไม่ได้จริงๆ ว่าท่านมีธุรกิจในมือค่อนข้างมาก มีบริษัทนับร้อยให้ดูแล มีลูกน้องนับพันนับหมื่น และบางท่านมีลูกน้องเป็นแสนคน แล้วท่านเอาเวลาที่ไหนไปรู้เรื่องสารพัดสาระเพต่างๆ รอบตัว จะว่าเพราะประสบการณ์ก็ไม่ใช่ เพราะเรื่องที่ท่านชวนคุยเป็นเรื่องที่ update และ intrend อยู่ไม่น้อย
อีกประเด็นที่ผมเคยสงสัยไม่น้อยกว่าประเด็นข้างต้นก็คือ ก็ท่านรวยขนาดนี้แล้ว จะขยันทำงานขนาดนี้ไปทำไมกันหนอ ทำไมไม่ไปใช้ชีวิตสบายๆ ลั๊นลา รื่นรมย์กับชีวิต
ต่อเมื่อผมมีโอกาสได้เรียนถามผู้ใหญ่ๆ หลายๆ ท่านเกี่ยวกับประเด็นที่ผมสงสัย ผมก็ได้คำตอบจากท่านผู้ใหญ่ทั้งหลาย โดยมากท่านตอบมาในแนวๆ เดียวกันว่า มีธุรกิจมาก มีลูกน้องมาก จะจัดสรรให้ลงตัวได้ ก็ต้องใช้คนด้วยความเชื่อใจและเชื่อมั่น ประกอบกับมีการ cross check เป็นระยะๆ ก็จะทำให้มีเวลาที่จะหาความรู้อื่นๆ รวมถึงมีเวลาไปพบปะผู้คนใหม่ๆ ไม่ใช่จมอยู่กับการมานั่งคอยคุมลูกน้องจนเค้ากระดิกไม่ได้
ส่วนที่ถามว่า รวยแล้วทำไมยังต้องทำงาน หลายๆ ท่านยิ้มให้ผมด้วยความขบขันปนเอ็นดูในความไม่เดียงสา แล้วเฉลยว่า "ทำงานเพื่องาน" ต่างจาก "ทำงานเพื่อเงิน" หมายความว่า ถ้ามุ่งเป้าไปที่ความสำเร็จของงาน เงินจะตามมา แต่ถ้ามุ่งเป้าไปที่ความมั่งคั่งของเงิน อาจจะดีระยะสั้น แต่ระยะยาวก็ไม่แน่
ฟังแล้วผมก็ไม่แปลกใจว่า ทำไมพวกท่านเหล่านั้นจึงยืนอยู่ในวงการธุรกิจได้อย่างมั่นคงและเป็นแบบอย่างให้คนที่มองเห็นรอยเท้าแห่งความสำเร็จของท่านได้เดินตาม
งั้นพวกเรามาร่วมกันเดินตามรอยเท้าท่านกันเถอะครับ ^^
Comments
Post a Comment