Skip to main content

Post#317: Bad sometimes good

 Post#317:
เมื่อวานนี้ผมพาลูกสาวไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาเฉลิมพระเกียรติ ที่รังสิต คลอง 5 หรือที่คนทั่วๆ ไปเรียกติดปากว่า พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์

จริงๆ แล้ว ครั้งนี้เป็นการไปครั้งที่ 2 ห่างจากที่เรามาครั้งแรกนานพอดู และผมสัญญากับลูกว่า เราจะกลับมาอีกครั้ง

แล้วเราก็ได้มา โดยเราไปถึงประมาณ 10 โมงได้ครับ แต่ครั้งนี้ เป็นการเริ่มต้นการทัวร์พิพิธภัณฑ์ฯ ด้วยความทุลักทุเลมาก

เหตุเกิดขึ้นเพราะผมชวนลูกสาวปีนขึ้นทางชันเพื่อจะไปถ่ายรูปกับรูปปั้นไดโนเสาร์ ผมเองก็ชะล่าใจ ปล่อยให้ลูกเดินขึ้นทางชันด้วยตัวเอง แล้วปรากฏว่า เธอลื่นล้ม เจ็บน่ะไม่เจ็บเลยครับ แต่กางเกงและรองเท้า เปรอะเปื้อนโคลน ในระดับ "ใส่ต่อไม่ได้"

ดีใจอยู่นิดที่ลูกสาวของผมไม่ได้ร้องไห้หรือตีโพยตีพาย และภรรยาของผมก็เต็มไปด้วยความเข้าใจต่อสถานการณ์

ความท้าทายแรกของเราพ่อ-แม่-ลูก ก็คือ ต้องหากางเกงและรองเท้าเปลี่ยนใหม่ หรือไม่ก็กลับบ้าน

เราเลือกที่จะเดินหน้าต่อครับ ไปหาชุดใหม่ในร้านค้าในพิพิธภัณฑ์ฯ มีของขายน้อยมาก ส่วนมากเป็นของเล่น เสื้อผ้าพอมี แต่จะเป็นชุดนอน และเสื้อยืด แน่นอนว่าไม่มีขายรองเท้า

เราเลือกซื้อชุดนอนและเสื้อยืดมาเปลี่ยนให้ลูก รองเท้าไม่มีไม่เป็นไร จากนั้นผมก็เป็นผู้รับหน้าที่นำกางเกงและรองเท้าของลูกไปล้าง

เนื่องจากไม่มีความชำนาญ ผมทำความสะอาดรองเท้าได้ดีมาก คือโคลนน่ะล้างออกเกือบหมด แต่แลกมาด้วยความเปียกโชกระดับใส่ต่อไม่ได้ อิอิ

หลังจากผ่านภารกิจแรกไป ก็มาถึงภารกิจที่ 2 คือ ลูกไม่มีรองเท้าใส่ มีแค่ถุงเท้า ทำไงดี?

เดินหน้ากันมาขนาดนี้ ก็ต้องไปต่อล่ะครับ ^^

ผมตัดสินใจ "อุ้ม" ลูก (หนักประมาณ 19 กิโลฯ ได้ครับ) ทัวร์พิพิธภัณฑ์ฯ ต่อ กะว่าไม่ไหวจริงๆ ก็จะผลัดให้ภรรยาช่วย

ด้วยระยะเวลา 1 ชั่วโมงกว่าๆ กับการทัวร์ ผมมีลูกอยู่ในอ้อมกอดแทบจะตลอดเวลา มีพักวางหอบแฮ่กบ้าง (ตามสังขาร) แต่ไม่คิดจะให้ภรรยาช่วย

ทำไมหรือครับ?

เพราะในความเหนื่อยนั้น ผมมีความสุขที่ได้กอดลูกตลอดเวลา เป็นความเหนื่อยที่แสนสุข และเป็นความล้าที่ผมเต็มใจเป็นที่สุด

จากความโชคร้ายที่ลูกสาวเจอในตอนต้น กลายเป็นความโชคดีของเรา...

ความโชคร้ายทำให้ผมและภรรยาร่วมใจกันสร้างบรรยากาศดีๆ ให้ลูกสาวไม่เสียกำลังใจ ทำให้เราช่วยกันหาทาง "ไปต่อ" และทำให้ผมมีโอกาส "กอด" ลูก แบบให้ตายผมก็ไม่มีวันปล่อยให้ลูกหลุดไปจากอ้อมกอด

เสร็จจากพิพิธภัณฑ์ฯ เราก็ไปทานกลางวันกันต่อ เป็นวันที่ผมมีความสุขมากๆ วันหนึ่งเลยครับ

ถ้าเรายอมแพ้กับความโชคร้ายแต่ต้น ผมว่าเมื่อวานคงกลายเป็นความทรงจำที่เลวร้ายของครอบครัว แต่เพราะพวกเราไม่ยอมแพ้ จากร้ายก็กลายเป็นดีในที่สุด

หรือว่าที่จริงแล้ว ความโชคร้ายกับความโชคดีจะเป็นเหมือน "เหรียญสองด้าน" อย่างที่เค้าว่ากัน


Bad sometimes good จริงๆ ครับ ^^

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...