Skip to main content

Post#319: พวกกวนน้ำให้ขุ่น

Post#319:
ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบคุยกับคนเหลี่ยมจัด...

เคยรู้สึกมั๊ยครับ ว่าใครบางคนที่เราคุยด้วยเนี่ย เป็นคนน่าอึดอัดพิกล เหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ตลอดเวลา ทำให้เรารู้สึกกังวลว่า สิ่งที่เราคุยกับเค้าเนี่ย จะกลับมาส่งผลอะไรกับเรารึเปล่านะ?

จากที่ผมทำงานมานับสิบๆ ปี ผมเจอคนประเภทนี้ค่อนข้างบ่อย ถ้าเลือกได้ผมจะเลือกไม่สุงสิงด้วย แต่ถ้าจำเป็นจะต้องคุย ผมเลือกที่จะประหยัดคำพูด และเลือกเป็นฝ่ายไม่เริ่มบทสนทนาก่อน เรียกง่ายๆ ว่า ถามคำตอบคำนั่นแหละครับ

โดยมากพวกนี้จะชอบหลอกให้เราพูด ถ้าเราตอบแบบไม่ระวัง ก็มักจะทำให้เราตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าลำบากใจในภายหลัง เช่น เจอหลอกถามว่า คนนั้นเป็นยังไง คนนี้ล่ะเป็นยังไง แล้วเราก็เผลอคอมเม้นต์ไป เท่านั้นล่ะครับ เค้าก็จะไปเล่าต่อประมาณว่า คนนั้นคนนี้ที่เค้าถามเราน่ะ เป็นยังงั้นยังโง้นยังงี้ แต่งเติมเสริมต่อไปตามเรื่อง โดยที่เค้าจะไม่ลืมลงท้ายว่า เราเป็นคนพูดให้เค้าฟัง -"-

หรือบางครั้งก็มาเล่าข้อมูลเป็นเท็จให้ฟัง นินทาคนนั้นคนนี้ให้ฟัง ยุให้เราอารมณ์ขุ่น แหย่ให้เราเคือง แล้วก็คอยเก็บเกี่ยวจากปฏิกิริยาตอบสนองของเราไปสร้างเรื่องต่อๆ ไปไม่รู้จบสิ้น

เราพลาดให้กับคนแบบนี้ได้ในครั้งแรก แต่อย่าพลาดเป็นครั้งที่สองหรือสามเลยครับ จะทำให้เรากลายเป็น "เหยื่อ" อันโอชะของคนพวกนี้ ถ้าเราระวังตัวในทุกๆ ครั้งที่เรามีอันต้องคุยกับเค้า โอกาสที่เราจะพลาดก็จะน้อยลงครับ แต่ก็ต้องระวังสติของตัวเองดีๆ

ส่วนตัวผมที่มีบุคลิกเป็นคนแรงอยู่แล้ว ก็มักไม่ค่อยเกรงใจคนพวกนี้ซักเท่าไหร่ คือพอรู้สึกว่า เค้าล้ำเส้นมากเกินไป ผมก็ไม่ค่อยจะลังเลที่จะ "ตอกกลับ" ไปตรงๆ เลยครับ เพราะเท่าที่ประสบการณ์ของผมมี คนพวกนี้มักจะกลัว "คนจริง" ยิ่งผมแสดงออกด้วยสีหน้า แววตา และคำพูด ที่ออกไปในโทนเข้มแข็ง (แต่จะไม่แข็งกร้าว โดยไม่จำเป็น) ด้วยแล้ว เค้าก็รู้เองว่า ไม่ควรจะมาตอแยกับผม

แม้วิธีของผมจะไม่ค่อยดีนัก แต่ก็อยากฝากไว้ครับ อย่ามัวเกรงใจคนที่ไม่ควรเกรงใจ ผมไม่ได้ยุให้ทะเลาะ หากแต่ให้รู้จักแสดงออกบ้าง ว่าเราก็ไม่ใช่ "เหยื่อ" ให้เคี้ยวเล่นแก้กลุ้ม

สำหรับใครที่เจอ "นาย" แบบนี้ หากิ่งไม้ใหม่เถอะครับ ไม่คุ้มกับชื่อเสียงเราเลย ส่วนใครมีลูกน้องแบบนี้ ต้องตักเตือนให้เด็ดขาด หรือไม่ก็ต้อง "ตัดคอ" ครับ เพราะส่งผลต่อทีมมหาศาล


วันนี้มาดุไปนิด แต่ไม่ค่อยปลื้มอย่างแรง กับ "พวกกวนน้ำให้ขุ่น" ครับ

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...