Skip to main content

Post#2-206: Hello Ho Chi Minh (2)

Post#2-206:
ขออนุญาตต่อจากเมื่อวานนะครับ

โดยเฉลี่ยแล้ว คนที่นี่ก็มีรายได้ไม่มากนัก และแน่นอนว่าค่าเงินเฟ้อนั้นสูงตามธรรมเนียมของประเทศ CLMV

เท่าที่ผมเดินสำรวจ ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคก็จะถูกกว่าบ้านเรานิดหน่อย แต่สินค้า Brand Name จะราคาสูงกว่า

จะว่าไป แฟชั่นของกรุงโฮจิมินห์ก็ไม่ด้อยกว่ากรุงเทพฯ มากนักนะครับ เรียกว่า Brand ต่างๆ ที่เป็นที่รู้จัก ก็สามารถพบได้ที่นี่เกือบหมด และเห็นว่ายังมีโครงการห้างสรรพสินค้าอยู่ระหว่างก่อสร้างอีกมากมาย รวมไปถึงรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่น่าจะใช้เวลาอีกไม่เกิน 5 ปี น่าจะแล้วเสร็จ

การสัญจรบนท้องถนน จะมี speed limit ที่ 40 กม./ชม. (อ่านไม่ผิดหรอกครับ แค่ 40 เท่านั้น!) แม้ถนนจะโล่งว่างหรือขับออกต่างจังหวัด ก็ห้ามขับเกินนี้ แต่ตามท้องถนน รถดีๆ ทั้ง Mercedes, BMW, Lexus และอื่นๆ เต็มไปหมด ซึ่งผมนึกยังไงก็นึกไม่ออก ว่าจะซื้อรถดีๆ แพงๆ ไปเพื่อ?

พนักงานขายหลายๆ ที่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ (เช่นเดียวกับคนขับ Taxi) แต่ก็พอส่งภาษาใบ้ร่วมกับภาษาอังกฤษเป็นคำๆ ได้บ้าง

สาวๆ ที่นี่ หน้าตาดีครับ เรียกว่าเดินมา 10 คน จะมี 6 คนหน้าตาดี และอีก 1 คนหน้าตาดีมาก ส่วนหน้าตาหนุ่มๆ ผมต้องขออภัยที่ไม่สามารถให้คะแนนได้ เพราะไม่ได้มองเลย ^^

ราคาโรงแรมในกรุงโฮจิมินห์นั้นมีกลายเกรดมาก ซึ่งผมแนะนำว่า ให้ลงทุนกับตรงนี้นิดนึงครับ ผมมานอนแบบคืนละพันกว่าบาท (ด้วยความไม่รู้+คิดว่าแค่คืนเดียว) ก็ต้องผจญกับเตียงที่นอนแล้วปวดหลัง, โทรทัศน์ที่ไม่มีช่องอื่นนอกจากช่องที่พูดเวียดนาม, แอร์แบบ 2 พันปี และความสะอาดโดยรวมที่ผมต้องให้คะแนนติดลบ

ร้านที่หาได้ทุกหัวถนน ไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อเหมือนบ้านเรา แต่เป็น "ร้านกาแฟ" ซึ่งเข้ากับวัฒนธรรมของคนเวียดนามมากๆ เพราะเจอกันตอนเช้าก็ต้องมีการพูดคุยสอบถามสารทุกข์สุกดิบกันซะก่อน แล้วก็ถือโอกาสคุยงานไปด้วย

และที่สำคัญ ที่นี่ไม่ค่อยนัดไปเจอกันที่ office ดังนั้น ร้านกาแฟจึงเปรียบเสมือนเป็นสถานที่นัดพบและนัดประชุมไปโดยปริยาย ซึ่งก็ดีสุดๆ ครับ มี wifi พร้อม มีกาแฟและ snack ไว้บริการ (ต้องจ่ายเงินนะจ๊ะ) พร้อมแอร์เย็นฉ่ำ และบรรยากาศดีๆ

รถ Taxi ของที่นี่ จะคิดค่าโดยสารด้วยระบบ Meter และมีสภาพรถโดยรวมไม่เลวร้าย แต่ความสะอาดนี่ต้องทำใจ แอร์จะเขรอะๆ และอมฝุ่น กระจกไม่ติดฟิล์ม (แต่บางคันมี Sunshade ให้) แต่ทีเด็ดที่สุด ก็คือ "ที่นี่ไม่มีการปฏิเสธผู้โดยสาร" และไปทุกที่ที่มีทาง (ไม่มีเลนเค้าก็สร้างเลนวิ่งเองได้) แต่ต้องเรียกให้ถูกที่ ถ้าไปตามห้าง เค้าจะมีคิวรถอยู่ อย่าไปโบกหรือเดินขึ้นสุ่มสี่สุ่มห้า

ขณะนั่งพิมพ์ post นี้อยู่ ผมนั่งรอเวลาเครื่องออกอยู่ที่สนามบิน...ดังนั้น คงถึงเวลากล่าวคำร่ำลาว่า...

ตู่ เบี้ยด โฮจิมินห์ (แปลว่า ลาก่อน โฮจิมินห์ - ออกเสียงถูกเปล่าไม่รู้ครับ)

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...