Skip to main content

Post#2-209: เพราะฉะนั้น...ชั้นจึงทระนง

Post#2-209:
วันนี้ ผมมีอันต้องเดินทางไปต่างจังหวัด เพื่อปฏิบัติภารกิจบางอย่าง ^^

ฟังดูเหมือนไปทำราชการลับ แต่เปล่าเลยครับ แค่ไปร่วมประชุมงานกับเพื่อนแค่นั้นเอง

เนื่องจากผู้ใหญ่ที่เราเชิญท่านมาร่วมประชุม ท่านมีเวลาค่อนข้างน้อย ก็เลยต้องรวบยอดเป็น Lunch Meeting และหลังจากประชุมเสร็จ ก็ยังพอมีเวลาคุยกันอีกนิดหน่อย

ใจความสำคัญตอนหนึ่งของการสนทนานั้น ท่านได้แสดงทัศนะเกี่ยวกับเรื่องความรับผิดชอบในฐานะนักบริหารมืออาชีพไว้น่าฟังมาก ผมเลยขออนุญาตมาแชร์ให้ฟังครับ

เวลามี project ใหญ่ๆ เป็นใครก็ต้องอยากได้ ยิ่งโดยเฉพาะนักบริหารมือใหม่และนักบริหารสมัครเล่นด้วยแล้ว ไม่ค่อยสนใจว่ารับงานไปแล้วจะเป็นยังไง คว้าได้เป็นต้องคว้าไว้ก่อน

แต่หากเป็นนักบริหารมืออาชีพแล้ว เค้าจะพิจารณาก่อนว่า ถ้ารับงานไปแล้ว จะสามารถส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดได้หรือไม่ เรียกว่า เงินน่ะก็อยากได้ แต่หากรับงานไปแล้ว ทำได้ไม่ดีพอ รังแต่จะกลายเป็นทำให้เสียชื่อและสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นแล้วล่ะก็...ต่อให้มีเงินมากองตรงหน้าเท่าไหร่ เค้าก็จะไม่รับงานโดยเด็ดขาด

ฟังดูเหมือนจะ over แต่มืออาชีพที่มีความรับผิดชอบในระดับสูง มีความทระนงในศักดิ์ศรีของตนนั้นมีอยู่จริง อย่างน้อยวันนี้ผมก็ได้เจอคนหนึ่งแล้ว

...

ท่ามกลางกระแสแห่งความกระหายหิว เห็นเงินเป็นพระเจ้า ก็ยังมีคนที่มิยอมพ่ายแพ้ต่ออำนาจแห่งเงินตรา...

แม้มันจะมิใช่เรื่องแปลกอันใด ที่เราอยากจะมีเงินมากๆ เพราะเงินอาจเนรมิตอะไรต่อมิอะไรได้ร้อยแปดพันประการ...ยังไงก็ตามแต่ ผมก็อยากจะเชิญชวนให้คิดตามสิ่งที่ผู้ใหญ่ท่านนี้ได้ถ่ายทอดเอาไว้

นั่นคือ อย่าให้เงินซื้อได้กระทั่งความทระนงของตัวเราโดยเด็ดขาดครับ

หากต้องมีชีวิตที่มั่งคั่ง แต่ในใจสุมไปด้วยความอดสู...คงมิสู้มีชีวิตที่มั่งคั่งน้อยลงไปบ้าง แต่สามารถสบตาผู้คนได้อย่างทระนง

ทิ้งท้ายแบบลิเกนิดๆ ว่า หากไร้ซึ่งความทระนงแล้วไซร้...เราฤาจะหาญกล้าเชิดหน้ามองฟ้าได้?

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...