Post#2-223:
เมื่อค่ำวานผมได้รับข่าวร้ายนิดหน่อยก็คือ เกิดอุปัทวเหตุเล็กน้อยกับลูกสาว
เรื่องของเรื่องคือเธอไปกระโดดโลดเต้นกับเพื่อนอยู่บน Tambourine เท่านั้นเองครับ
ความที่มีเด็กๆ มาเล่นกันเยอะ กระโดดกันไปๆ มาๆ ก็มีการกระทบกระทั่งบ้าง เบียดกันบ้าง ซึ่งลูกสาวผมโชคไม่ดีที่โดนเบียดจนจังหวะเสีย และลงพื้นผิดท่าทำให้ข้อเท้าพลิก
ทีแรกผมได้รับข้อความและรูปจากภรรยา ก็คิดว่าคงไม่เป็นไรมาก แล้วแม่ลูกก็กำลังไปโรงพยาบาล ซึ่งบังเอิญว่าผมติดประชุมอยู่จึงยังปลีกตัวไปไม่ได้
จากนั้นไม่นานผมก็ได้รับข้อความและรูปที่ทำให้ผมตกใจ เพราะปรากฏว่า ลูกสาวกระดูกร้าว ต้องเข้าเฝือกอ่อนอย่างต่ำ 1-2 สัปดาห์...
ระหว่างทางกลับบ้าน ผมนั่งคิดว่าจะคุยกับลูกสาวยังไง เธอถึงจะได้เรียนรู้จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
กลับถึงบ้าน ผมก็เรียกลูกสาวมา lecture เล็กน้อย โล่งใจอยู่นิดที่เธอยังเดินได้ ก็น่าจะเป็น sign ที่แสดงว่าไม่น่าจะเจ็บหนักหนาอะไรมากนัก
ผมสอนลูกให้เข้าใจว่า บางครั้งการเล่นสนุกโดยไม่ได้ดูปัจจัยรอบข้างก็อาจส่งผลแบบนี้ได้ และผลของความไม่ระวังเพียงชั่วกระพริบตา ก็อาจนำมาซึ่งความเจ็บตัวแบบนี้
ลงท้ายด้วยการที่ผมให้เค้าสัญญาว่า จะเพิ่มความระมัดระวังในการเล่นอะไรผาดโผนหรือต้องกระโดดโลดเต้นแบบนี้...
แน่นอนว่า ลูกคงไม่ได้จำอะไรที่ผมสอนแบบจริงจังนักหรอกครับ แต่ผมก็จำเป็นต้องใส่ใจกับเรื่องอะไรก็ตามที่เกี่ยวพันกับสวัสดิภาพของแก้วตาดวงใจตัวน้อยนี้เป็นธรรมดา
...
บางครั้งเด็กๆ มักเล่นสนุกจนไม่ได้มองปัจจัยรายรอบ ส่งผลให้เกิดอุปัทวเหตุแบบนี้ ซึ่งเด็กบางคนก็อาจไม่ได้โชคดีแบบลูกสาวผม ที่ต้องถือว่าเจ็บไม่มากไม่น้อย
แม้ว่าการปล่อยให้ลูกเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น จะเป็นเรื่องจำเป็นและเป็นบันไดที่เค้าจะต้องเดินผ่านเพื่อให้เติบโตขึ้น แต่เราก็จำเป็นต้องคอยระวังให้เค้าใส่รองเท้าขณะเดินขึ้นบันได ตลอดจนคอยปัดกวาดบันไดไม่ให้มีสิ่งกีดขวางจนมากเกินความสามารถของเค้าเช่นกัน
ยิ่งเลี้ยงลูกนานขึ้นเท่าไหร่ ผมยิ่งเข้าใจความลำบากของพ่อและแม่มากขึ้นเท่านั้น...ผมและภรรยาเลี้ยงลูกคนเดียวก็ว่าหนักหนาแล้ว ก็ไม่รู้ว่าคนสมัยก่อนที่เค้ามีลูกกันหลายคน เค้าเลี้ยงกันมาได้ยังไง?
ขอคารวะคนเป็นพ่อและแม่ทุกๆ คนครับ
Comments
Post a Comment