Post#3-27:
ผมเชื่อว่า ใครๆ ก็ต้องการเป็นผู้ประสบความสำเร็จ...หากแต่ทุกคนที่ต้องการประสบความสำเร็จนั้น จำเป็นที่จะต้องออกจาก Comfort Zone ให้ได้เสียก่อน
Comfort Zone ที่ว่า อาจไม่จำเป็นต้องเป็นงานใหม่เสมอไป หากแต่มันหมายรวมไปถึง วิธีทำงานแบบเดิมๆ หรือวิธีคิดแบบเดิมๆ
จะว่าไปแล้ว สำหรับผมคิดว่า Comfort Zone กับ Change (หรือ การเปลี่ยนแปลง) นั้น นับเป็นเรื่องเดียวกัน
...
หากไม่กล้าเปลี่ยนแปลง ก็แปลว่าเรายังไม่อาจหลุดออกจาก Comfort Zone ของเราเองได้...และแน่นอนว่า เมื่อไม่กล้าเปลี่ยนแปลง ก็ย่อมไม่มีการเปลี่ยนแปลง
และทุกคนต่างก็รู้ว่า เราไม่อาจทำอะไรเดิมๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จได้ (ลองอ่าน Post#2-286 ขยายความดูนะครับ)
สิ่งหนึ่งที่เป็นกำแพงสำคัญของการเปลี่ยนแปลง ก็คือ "ความกลัว" นั่นเอง
...
มีวาทะหนึ่งที่ฝรั่งว่าไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ...ซึ่งผมอ่านแล้วชอบ ก็เลยขอถือวิสาสะตั้งชื่อมันว่า "สมการแห่งความสำเร็จ"
เค้าว่าไว้อย่างนี้ครับ...
"In order to succeed, your desire for success should be greater than your fear of failure."
แปลว่า "การที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น, ความต้องการความสำเร็จ จะต้องมากกว่า ความกลัวที่จะล้มเหลว"
เป็นสมการที่เรียบง่าย ไม่ต้องอธิบายให้มากความ...ง่ายจริงๆ ครับ ง่ายจนใครก็พูดได้ แต่ไม่ใช่ใครคิดจะทำก็ทำได้
...
แล้วต้องทำยังไงล่ะ ถึงจะทำให้ Desire for Success > Fear of Failure ได้เสมอ?
ผมเองก็ตอบไม่ได้ครับ...เพราะแต่ละคนมีส่วนประกอบหรือส่วนผสมของ Desire for Success และ Fear of Failure ไม่เหมือนกันแน่ๆ
หากแต่ผมเชื่อว่า ส่วนประกอบหลักๆ ของ Desire for Success น่าจะประกอบไปด้วย Passion to do (ความหลงใหลในสิ่งที่จะทำ) และ Understanding of what to be done (ความเข้าใจในสิ่งที่จะต้องทำ)
และในส่วนของ Fear of Failure ก็น่าจะมี Financial Burden (ภาระทางการเงิน) ร่วมกับ Unpredictable Future (ความคาดเดาไม่ได้ของอนาคต) อยู่ด้วย
...
ทุกๆ คนกล้าคิด กล้าฝัน...แต่น้อยคนที่จะกล้าพูด หรือกล้าที่จะบอกเล่าความฝันให้โลกรับรู้
และมีเพียงแค่หยิบมือจากคนที่กล้าพูด...ที่จะกล้าลงมือทำตามความฝันนั้นได้
ขอเพียงอย่าลืมความฝัน (Dream) นั้น และพัฒนาให้มันเป็น "ความปรารถนา" (Desire) ที่มากพอ...อย่าปล่อยให้ "ความกลัว" (Fear) มาหยุดเราเอาไว้...
เมื่อใดที่ Desire ของเรา มากกว่า Fear เมื่อนั้น เราจึงต้อง "ลงมือ" (Do) ให้ความฝันของเราเป็นจริงครับ...
...
สังเกตอะไรมั๊ยครับ
"Dream -> Desire -> Do"
นั่นไงครับ ครบ "3D" แล้ว...สิ่งที่เราฝันจึงกลายเป็นสิ่งที่เราจับต้องได้ฉะนี้เอง ^^
ผมเชื่อว่า ใครๆ ก็ต้องการเป็นผู้ประสบความสำเร็จ...หากแต่ทุกคนที่ต้องการประสบความสำเร็จนั้น จำเป็นที่จะต้องออกจาก Comfort Zone ให้ได้เสียก่อน
Comfort Zone ที่ว่า อาจไม่จำเป็นต้องเป็นงานใหม่เสมอไป หากแต่มันหมายรวมไปถึง วิธีทำงานแบบเดิมๆ หรือวิธีคิดแบบเดิมๆ
จะว่าไปแล้ว สำหรับผมคิดว่า Comfort Zone กับ Change (หรือ การเปลี่ยนแปลง) นั้น นับเป็นเรื่องเดียวกัน
...
หากไม่กล้าเปลี่ยนแปลง ก็แปลว่าเรายังไม่อาจหลุดออกจาก Comfort Zone ของเราเองได้...และแน่นอนว่า เมื่อไม่กล้าเปลี่ยนแปลง ก็ย่อมไม่มีการเปลี่ยนแปลง
และทุกคนต่างก็รู้ว่า เราไม่อาจทำอะไรเดิมๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จได้ (ลองอ่าน Post#2-286 ขยายความดูนะครับ)
สิ่งหนึ่งที่เป็นกำแพงสำคัญของการเปลี่ยนแปลง ก็คือ "ความกลัว" นั่นเอง
...
มีวาทะหนึ่งที่ฝรั่งว่าไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ...ซึ่งผมอ่านแล้วชอบ ก็เลยขอถือวิสาสะตั้งชื่อมันว่า "สมการแห่งความสำเร็จ"
เค้าว่าไว้อย่างนี้ครับ...
"In order to succeed, your desire for success should be greater than your fear of failure."
แปลว่า "การที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น, ความต้องการความสำเร็จ จะต้องมากกว่า ความกลัวที่จะล้มเหลว"
เป็นสมการที่เรียบง่าย ไม่ต้องอธิบายให้มากความ...ง่ายจริงๆ ครับ ง่ายจนใครก็พูดได้ แต่ไม่ใช่ใครคิดจะทำก็ทำได้
...
แล้วต้องทำยังไงล่ะ ถึงจะทำให้ Desire for Success > Fear of Failure ได้เสมอ?
ผมเองก็ตอบไม่ได้ครับ...เพราะแต่ละคนมีส่วนประกอบหรือส่วนผสมของ Desire for Success และ Fear of Failure ไม่เหมือนกันแน่ๆ
หากแต่ผมเชื่อว่า ส่วนประกอบหลักๆ ของ Desire for Success น่าจะประกอบไปด้วย Passion to do (ความหลงใหลในสิ่งที่จะทำ) และ Understanding of what to be done (ความเข้าใจในสิ่งที่จะต้องทำ)
และในส่วนของ Fear of Failure ก็น่าจะมี Financial Burden (ภาระทางการเงิน) ร่วมกับ Unpredictable Future (ความคาดเดาไม่ได้ของอนาคต) อยู่ด้วย
...
ทุกๆ คนกล้าคิด กล้าฝัน...แต่น้อยคนที่จะกล้าพูด หรือกล้าที่จะบอกเล่าความฝันให้โลกรับรู้
และมีเพียงแค่หยิบมือจากคนที่กล้าพูด...ที่จะกล้าลงมือทำตามความฝันนั้นได้
ขอเพียงอย่าลืมความฝัน (Dream) นั้น และพัฒนาให้มันเป็น "ความปรารถนา" (Desire) ที่มากพอ...อย่าปล่อยให้ "ความกลัว" (Fear) มาหยุดเราเอาไว้...
เมื่อใดที่ Desire ของเรา มากกว่า Fear เมื่อนั้น เราจึงต้อง "ลงมือ" (Do) ให้ความฝันของเราเป็นจริงครับ...
...
สังเกตอะไรมั๊ยครับ
"Dream -> Desire -> Do"
นั่นไงครับ ครบ "3D" แล้ว...สิ่งที่เราฝันจึงกลายเป็นสิ่งที่เราจับต้องได้ฉะนี้เอง ^^
Comments
Post a Comment