Post#3-36:
เมื่อค่ำวานนี้เองครับ ที่บังเอิญไปเห็นน้องคนหนึ่ง (ที่ผมพอจะรู้จักมักคุ้นอยู่บ้าง) post ข้อความบน Timeline ในเชิงตัดพ้อและทดท้อต่อความรัก
เรื่องแบบนี้ ไม่ว่าใครก็คงไปปลอบใจให้เค้าหายเศร้าได้ยาก...ได้แต่ต้องให้เวลาและใช้เวลาเป็นเครื่องมือในการลดทอนความเศร้านั้นลงไป
อย่างว่าครับ...เรื่องความรักกับเรื่องอกหักนี่ ความจริงมันก็อยู่ใกล้กันจนไม่น่าเชื่อ ซึ่งจริงๆ ต้องบอกว่า ใครไม่เคยอกหักเลยนี่ ช่างออกจะโชคดีจนน่าเสียดาย (ที่ไม่เคยลิ้มรสบาดแผลของการอกหักรักคุด) ^^
...
สำหรับน้องคนที่ว่า...ต้องมีอันไม่สมหวังในความรัก ด้วยเหตุของฐานะทางสังคมที่แตกต่างกันมาก...ประมาณดอกฟ้ากับหมาวัด หรือประมาณหมามองเครื่องบิน (เป็นคำเปรียบเปรยนะครับ, ผมไม่ได้จะว่าหรือดูถูกน้องเค้า) อารมณ์นั้นเลยทีเดียว
น้องเค้าก็บ่นประมาณว่า...จะมีมั๊ยหนอ รักแท้ที่มองข้ามเรื่องฐานะ, ควรจะดูคุณค่าของหัวใจ เหมือนในสมัยเก่าก่อน...
สำหรับน้องๆ ที่อายุยังอยู่ห่างไกลจากหลักสี่มากๆ คงต้องทำความเข้าใจก่อนครับว่า ในอดีตย้อนไปถึงสมัยคุณปู่คุณย่ายังเป็นหนุ่มๆ สาวๆนั้น...ทัศนคติต่อความรักจะแตกต่างไปจากหนุ่มสาวยุคปัจจุบันอยู่มาก
และก็จริงอยู่...ที่ว่า สมัยนั้น ก็อาจจะมีคนจำนวนมาก ที่เลือกบูชาความรักด้วยคุณค่าทางจิตใจมากกว่าเป็นเรื่องความพร้อมทางด้านฐานะและสถานภาพทางสังคม เช่นสมัยนี้
...
ว่าก็ว่าเถิดครับ...ผมขอตั้งข้อสังเกตไว้นิดนึงก็แล้วกันครับ ว่า...คงมี 2 วิธี ที่จะทำให้ชายหนุ่มได้อยู่เคียงคู่กับหญิงสาวที่เค้ารักได้...
วิธีที่หนึ่งคือ...ฉุดเธอให้ลงมาอยู่ระดับพื้นดินที่ชายหนุ่มเจ้าเอยยืนอยู่
ส่วนอีกวิธีคือ...หาวิธีปีนป่ายตะกายฟ้า เพื่อให้ไปถึงจุดที่สาวเจ้ากำลังยืนให้กำลังใจอยู่นั่นให้ได้
ต้องให้บอกมั๊ยนะ...ว่าเลือกวิธีไหน จึงจะสมกับที่เกิดมาเป็นลูกผู้ชาย?
สู้เอาเวลาที่มัวพร่ำเพ้อ...ว่าจะมีใครบูชาความรักอยู่บ้าง ไปทำอะไรให้เธอและครอบครัวของเธอได้เห็นความพยายามและหนทางที่เราจะเลือกปีนป่ายตะกายฟ้าเพื่อไปให้ถึงเธอ จะดีกว่ามั๊ย?
...
หนุ่มน้อยเอย...หากเจ้าอยากได้ดอกไม้เลอค่า...เจ้าจึงควรต้องปีนป่ายตะกายเก็บ
ฤาเจ้าจะภูมิใจ...หากดอกฟ้านั้นปลิดปลงลงจากต้นมาสู่เจ้า โดยที่เจ้ามิได้พยายามไขว่คว้า?
#ลิเกเนอะ ^^
เมื่อค่ำวานนี้เองครับ ที่บังเอิญไปเห็นน้องคนหนึ่ง (ที่ผมพอจะรู้จักมักคุ้นอยู่บ้าง) post ข้อความบน Timeline ในเชิงตัดพ้อและทดท้อต่อความรัก
เรื่องแบบนี้ ไม่ว่าใครก็คงไปปลอบใจให้เค้าหายเศร้าได้ยาก...ได้แต่ต้องให้เวลาและใช้เวลาเป็นเครื่องมือในการลดทอนความเศร้านั้นลงไป
อย่างว่าครับ...เรื่องความรักกับเรื่องอกหักนี่ ความจริงมันก็อยู่ใกล้กันจนไม่น่าเชื่อ ซึ่งจริงๆ ต้องบอกว่า ใครไม่เคยอกหักเลยนี่ ช่างออกจะโชคดีจนน่าเสียดาย (ที่ไม่เคยลิ้มรสบาดแผลของการอกหักรักคุด) ^^
...
สำหรับน้องคนที่ว่า...ต้องมีอันไม่สมหวังในความรัก ด้วยเหตุของฐานะทางสังคมที่แตกต่างกันมาก...ประมาณดอกฟ้ากับหมาวัด หรือประมาณหมามองเครื่องบิน (เป็นคำเปรียบเปรยนะครับ, ผมไม่ได้จะว่าหรือดูถูกน้องเค้า) อารมณ์นั้นเลยทีเดียว
น้องเค้าก็บ่นประมาณว่า...จะมีมั๊ยหนอ รักแท้ที่มองข้ามเรื่องฐานะ, ควรจะดูคุณค่าของหัวใจ เหมือนในสมัยเก่าก่อน...
สำหรับน้องๆ ที่อายุยังอยู่ห่างไกลจากหลักสี่มากๆ คงต้องทำความเข้าใจก่อนครับว่า ในอดีตย้อนไปถึงสมัยคุณปู่คุณย่ายังเป็นหนุ่มๆ สาวๆนั้น...ทัศนคติต่อความรักจะแตกต่างไปจากหนุ่มสาวยุคปัจจุบันอยู่มาก
และก็จริงอยู่...ที่ว่า สมัยนั้น ก็อาจจะมีคนจำนวนมาก ที่เลือกบูชาความรักด้วยคุณค่าทางจิตใจมากกว่าเป็นเรื่องความพร้อมทางด้านฐานะและสถานภาพทางสังคม เช่นสมัยนี้
...
ว่าก็ว่าเถิดครับ...ผมขอตั้งข้อสังเกตไว้นิดนึงก็แล้วกันครับ ว่า...คงมี 2 วิธี ที่จะทำให้ชายหนุ่มได้อยู่เคียงคู่กับหญิงสาวที่เค้ารักได้...
วิธีที่หนึ่งคือ...ฉุดเธอให้ลงมาอยู่ระดับพื้นดินที่ชายหนุ่มเจ้าเอยยืนอยู่
ส่วนอีกวิธีคือ...หาวิธีปีนป่ายตะกายฟ้า เพื่อให้ไปถึงจุดที่สาวเจ้ากำลังยืนให้กำลังใจอยู่นั่นให้ได้
ต้องให้บอกมั๊ยนะ...ว่าเลือกวิธีไหน จึงจะสมกับที่เกิดมาเป็นลูกผู้ชาย?
สู้เอาเวลาที่มัวพร่ำเพ้อ...ว่าจะมีใครบูชาความรักอยู่บ้าง ไปทำอะไรให้เธอและครอบครัวของเธอได้เห็นความพยายามและหนทางที่เราจะเลือกปีนป่ายตะกายฟ้าเพื่อไปให้ถึงเธอ จะดีกว่ามั๊ย?
...
หนุ่มน้อยเอย...หากเจ้าอยากได้ดอกไม้เลอค่า...เจ้าจึงควรต้องปีนป่ายตะกายเก็บ
ฤาเจ้าจะภูมิใจ...หากดอกฟ้านั้นปลิดปลงลงจากต้นมาสู่เจ้า โดยที่เจ้ามิได้พยายามไขว่คว้า?
#ลิเกเนอะ ^^
Comments
Post a Comment