Post#3-32:
เกือบเที่ยงคืนของหลายสัปดาห์ก่อน ขณะผมนั่งทำงานไปพร้อมกับเปิด TV เป็นเพื่อน ฉับพลันก็มีอันต้องสะดุ้งจากเสียงโทรศัพท์...
ปรากฏว่า เป็นสายทางไกลจากเพื่อนรุ่นน้องที่สนิทกันพอควร แต่ก็ไม่ได้คุยกันมานานหลายปี...และเค้ารู้ว่า ปกติผมนอนดึกถึงดึกมาก จึงลองโทรมา
ส่วนตัวแล้ว ผมไม่ค่อยชอบรับโทรศัพท์ยามวิกาลเอาเสียเลย เพราะมักจะเป็นเรื่องไม่ค่อยดี...แน่นอนว่าครั้งนี้ก็เช่นกัน
...
ผมออกจะเห็นใจใครก็ตามที่กลัดกลุ้มจนต้องหาคนคุยและปลอบใจไม่น้อย...โดยเฉพาะคนที่ต้องไปอยู่ไกลถึงต่างแดน
ใครไม่เคยก็คงไม่รู้ ว่าเวลามองขวาก็ไม่รู้จักใคร...มองซ้ายก็ไม่มีใครรู้ใจเรา มันเป็นความรู้สึกเปลี่ยวดายและอ้างว้างถึงเพียงไหน
แม้ผมจะไม่เคยไปเรียนเมืองนอก...แต่ด้วยความที่มีเพื่อนไปเรียนเมืองนอกหลายคน...ผมจึงพอจะเข้าใจความเหงาของคนไกลบ้านได้ดีพอควร
ผมใช้คำว่า "เข้าใจ" ไม่ใช่ "เข้าถึง" นะครับ...แปลว่า เข้าใจว่าอารมณ์ประมาณไหน แต่ไม่ได้รู้ซึ้งถึงความทรมานแบบคนที่เคยมีประสบการณ์ตรงๆ
...
บางท่านอาจจะไม่เชื่อ ว่า "ความเหงา" นั้น ฆ่าคนได้...ยิ่งโดยเฉพาะคนที่เหลียวมองรอบกายแล้วไม่เห็นใคร...ยิ่งทำให้หนาวใจและหนาวกายไปพร้อมๆ กัน
เพื่อนรุ่นน้องคนที่ว่านี้ ก็ไม่ต่างกัน...เธอเล่าว่า ก่อนจะโทรหาผม ก็โทรไปหาเพื่อนหลายคนแล้ว แต่มันดึกมากแล้ว เลยไม่มีใครรับสาย...โชคดีที่ผมรับ
เช่นเคยที่ผมปล่อยให้เธอระบายความอัดอั้นทั้งหลายอยู่พักหนึ่ง...แล้วเธอก็ดีขึ้นเอง
...คืนวานนี้ เธอส่งข้อความมาทักทายผม ทาง LINE และผมสัมผัสได้ว่า เธอก้าวข้ามความเหงาและกลัดกลุ้มมาได้แล้วโดยสมบูรณ์
...
บางครั้ง ชีวิตคนเรา ก็เป็นแบบนี้จริงๆ ครับ...
บางวันเราเศร้าหนักหนา จะเป็นจะตายกับเรื่องบางเรื่องที่คนส่วนใหญ่เห็นว่า มันเป็นเรื่องเล็กน้อย...
แต่พอเวลาผ่านไป...และเราผ่านมันมาได้ เรากลับรู้สึกว่า เรื่องที่เราเคยคิดว่ามันเป็นเรื่องจะเป็นจะตาย กลับกลายเป็นเรื่องงี่เง่าไม่เข้าท่า
เพื่อนรุ่นน้องของผมก็รู้สึกแบบนั้น
...
ใครที่กำลังเศร้า, เหงา และเปล่าดาย...ไม่ว่าเหตุนั้นจะเกิดจากอะไรก็ตามแต่...เชื่อเถอะครับ ว่าถ้าเราไม่ได้จะตายในทันทีนั้น เราจะผ่านมันไปได้แน่นอน
ไม่ว่าขณะนั้น เราจะทรมานใจหรือกลัดกลุ้มเจียนบ้า...วันหนึ่งในอนาคตข้างหน้า เรื่องที่ว่า มันก็จะกลายเป็นเรื่องขำขันของชีวิต เท่านั้นเอง...
มีความสุขกับชีวิตอย่างสุขสันต์ในคืนวันศุกร์นะครับ ^^
เกือบเที่ยงคืนของหลายสัปดาห์ก่อน ขณะผมนั่งทำงานไปพร้อมกับเปิด TV เป็นเพื่อน ฉับพลันก็มีอันต้องสะดุ้งจากเสียงโทรศัพท์...
ปรากฏว่า เป็นสายทางไกลจากเพื่อนรุ่นน้องที่สนิทกันพอควร แต่ก็ไม่ได้คุยกันมานานหลายปี...และเค้ารู้ว่า ปกติผมนอนดึกถึงดึกมาก จึงลองโทรมา
ส่วนตัวแล้ว ผมไม่ค่อยชอบรับโทรศัพท์ยามวิกาลเอาเสียเลย เพราะมักจะเป็นเรื่องไม่ค่อยดี...แน่นอนว่าครั้งนี้ก็เช่นกัน
...
ผมออกจะเห็นใจใครก็ตามที่กลัดกลุ้มจนต้องหาคนคุยและปลอบใจไม่น้อย...โดยเฉพาะคนที่ต้องไปอยู่ไกลถึงต่างแดน
ใครไม่เคยก็คงไม่รู้ ว่าเวลามองขวาก็ไม่รู้จักใคร...มองซ้ายก็ไม่มีใครรู้ใจเรา มันเป็นความรู้สึกเปลี่ยวดายและอ้างว้างถึงเพียงไหน
แม้ผมจะไม่เคยไปเรียนเมืองนอก...แต่ด้วยความที่มีเพื่อนไปเรียนเมืองนอกหลายคน...ผมจึงพอจะเข้าใจความเหงาของคนไกลบ้านได้ดีพอควร
ผมใช้คำว่า "เข้าใจ" ไม่ใช่ "เข้าถึง" นะครับ...แปลว่า เข้าใจว่าอารมณ์ประมาณไหน แต่ไม่ได้รู้ซึ้งถึงความทรมานแบบคนที่เคยมีประสบการณ์ตรงๆ
...
บางท่านอาจจะไม่เชื่อ ว่า "ความเหงา" นั้น ฆ่าคนได้...ยิ่งโดยเฉพาะคนที่เหลียวมองรอบกายแล้วไม่เห็นใคร...ยิ่งทำให้หนาวใจและหนาวกายไปพร้อมๆ กัน
เพื่อนรุ่นน้องคนที่ว่านี้ ก็ไม่ต่างกัน...เธอเล่าว่า ก่อนจะโทรหาผม ก็โทรไปหาเพื่อนหลายคนแล้ว แต่มันดึกมากแล้ว เลยไม่มีใครรับสาย...โชคดีที่ผมรับ
เช่นเคยที่ผมปล่อยให้เธอระบายความอัดอั้นทั้งหลายอยู่พักหนึ่ง...แล้วเธอก็ดีขึ้นเอง
...คืนวานนี้ เธอส่งข้อความมาทักทายผม ทาง LINE และผมสัมผัสได้ว่า เธอก้าวข้ามความเหงาและกลัดกลุ้มมาได้แล้วโดยสมบูรณ์
...
บางครั้ง ชีวิตคนเรา ก็เป็นแบบนี้จริงๆ ครับ...
บางวันเราเศร้าหนักหนา จะเป็นจะตายกับเรื่องบางเรื่องที่คนส่วนใหญ่เห็นว่า มันเป็นเรื่องเล็กน้อย...
แต่พอเวลาผ่านไป...และเราผ่านมันมาได้ เรากลับรู้สึกว่า เรื่องที่เราเคยคิดว่ามันเป็นเรื่องจะเป็นจะตาย กลับกลายเป็นเรื่องงี่เง่าไม่เข้าท่า
เพื่อนรุ่นน้องของผมก็รู้สึกแบบนั้น
...
ใครที่กำลังเศร้า, เหงา และเปล่าดาย...ไม่ว่าเหตุนั้นจะเกิดจากอะไรก็ตามแต่...เชื่อเถอะครับ ว่าถ้าเราไม่ได้จะตายในทันทีนั้น เราจะผ่านมันไปได้แน่นอน
ไม่ว่าขณะนั้น เราจะทรมานใจหรือกลัดกลุ้มเจียนบ้า...วันหนึ่งในอนาคตข้างหน้า เรื่องที่ว่า มันก็จะกลายเป็นเรื่องขำขันของชีวิต เท่านั้นเอง...
มีความสุขกับชีวิตอย่างสุขสันต์ในคืนวันศุกร์นะครับ ^^
Comments
Post a Comment