Skip to main content

Post#3-46: เลือกสื่อให้เหมาะกับสาร

Post#3-46:
ค่ำวานนี้ผมประชุมงานกับหุ้นส่วนจนดึกดื่นข้ามวัน เหตุเพราะต่างฝ่ายต่างก็ยุ่ง กว่าจะได้มาประชุมกันก็เกือบจะสี่ทุ่มไปแล้ว -"-

แม้ว่าผมจะเคยชินกับการประชุมแบบหามรุ่งหามค่ำแบบนี้ แต่สภาพตามตรงว่า ผมก็ไม่ได้ชื่นชอบหรือพิศมัยการประชุมแบบนี้เอาเสียเลย

หากแต่ถ้าเป็นการประชุมที่สำคัญ...ต่อให้ต้องประชุมค่ำมืดดึกดื่นแบบนี้ ยังไงก็ย่อมดีกว่าการประชุมทางโทรศัพท์อย่างแน่นอน

...

ผมมีประสบการณ์ที่ไม่ค่อยสดสวยและชื่นมื่นกับ Teleconference อยู่หลายครั้งหลายครา

ที่ผมไม่ชอบที่สุดก็คือ การที่เราไม่อาจจะสังเกตแววตาและสีหน้าของผู้สนทนาได้ ทำให้ผมไม่มั่นใจว่าจริงๆ แล้ว เค้าเข้าใจในสิ่งที่เราพูดรึเปล่า

ยิ่งถ้าประชุมกันหลายคนนี่ เสียงมันจะตีกันวุ่นวาย ไม่รู้จะฟังใครก่อน ต่างจากเวลาเจอหน้ากัน ที่เราจะพอห้ามทัพได้

ส่วน Video Conference นั้น ไปกันไม่ค่อยได้เท่าไหร่กับระบบ Internet อันสุดแสนจะเสถียรของบ้านเรา

ยิ่งถ้าเป็นการ Teleconference หรือ Video Conference กับต่างประเทศนี่ ผมยิ่งปวดหัวหนัก เพราะปวดหัวกับข้อจำกัดที่ว่าข้างต้นยังไม่พอ ยังแถมข้อจำกัดด้านภาษา เพิ่มเข้าไปอีก (อันนี้ ถือเป็นความอ่อนด้อยส่วนตัวครับ)

...

ดังนั้น หากเป็นการประชุมหรือเจรจาที่สำคัญๆ เราจึงควรที่จะเลือกวิธีแบบ face-to-face จะเหมาะสมกว่าครับ

ส่วนวิธีการ chat เรื่องสำคัญๆ ผ่าน app สารพัดสารพันที่มีนั้น หากจำเป็น ควรใช้หลังจากที่มีการ Teleconference หรือ Video Conference แล้วเท่านั้น เสมือนหนึ่งเป็นการ confirm ความเข้าใจเสียมากกว่า เพราะหากยังมีความเข้าใจไม่ตรงกัน จะได้แก้ไขได้ทันที...เพื่อที่จะได้ทำ Meeting Minutes ตามหลังได้ง่ายขึ้น

...เลือกสื่อให้เหมาะกับเรื่องที่จะพูดคุย ก็จะทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ...

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...