Post#3-31:
บ่ายวันนี้ ขณะที่ผมนั่งคุยงานอยู่บนรถกับลูกน้อง ฉับพลันก็มีรถที่ปราศจากคนขับคันหนึ่งไหลออกจากที่จอดรถมาด้วยความเร็วสูง
เดาออกใช่มั๊ยครับ ว่ารถคันนั้นไหลมาชนรถใคร?
ใช่อย่างที่เดาล่ะครับ...รถคนนั้นไหลมาชนรถผม โดยที่เลขาฯ ของผมที่ช่วยขับรถให้ ได้แค่ร้องว่า "เฮ้ย รถไหลมา"
ขณะที่โดนชน เราติดอยู่ในซอย เดินหน้าไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้ และรถคันนั้นก็ไหลมาเร็วมาก จนเราทำได้เพียงแค่มอง...แค่นั้นจริงๆ
...
ความจริงผมต้องชมเลขาฯ ของผมว่ามีสติดีมาก เพราะถ้าเค้าตกใจเข้าเกียร์ถอยหลังหรือเดินหน้า ความเสียหายคงมากกว่านี้อีกเยอะ และจากที่เราเป็นฝ่ายถูก ก็คงกลายเป็นฝ่ายผิดทันที
ทันทีที่เกิดเรื่อง รปภ. ก็วิ่งไปตามเจ้าของรถคันดังกล่าวมายังจุดเกิดเหตุ และเนื่องจากผมกำลังรีบไปประชุม ประกอบกับไม่ต้องการเป็นภาระกีดขวางเส้นทางสัญจร จึงให้ต่างฝ่ายต่างถ่ายรูป แล้วก็นัดมาเคลียร์กันใหม่อีกที
ว่ากันโดยสัตย์จริง ผมไม่ได้โกรธเจ้าของรถคันนั้นเลย ออกจะเห็นใจด้วยซ้ำ ว่าเค้าก็คงงงๆ อยู่เหมือนกัน ว่าเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง?
หลังทิ้งที่เกิดเหตุไว้เบื้องหลัง ระหว่างทางไปประชุม ผมก็นั่งถกกับลูกน้องถึงเรื่องนี้ต่อ คุยไปก็ขำไป ด้วยว่ามันเหลือเชื่อเอามากๆ
...จนถึงขณะที่เขียน Post นี้อยู่ ก็ยังไม่เชื่ออยู่นั่นเอง
...
แต่ไม่ทราบจะมีใครเห็นด้วยกับผมบ้างมั๊ยครับว่า...บางครั้งชีวิตของเราก็อาจเจอเหตุบางอย่างที่ทำให้เราตกอยู่ในสภาพเดินหน้าไม่ได้ ถอยหลังไม่ออก แบบนี้เหมือนกัน
เมื่อต้องเจอเหตุที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แบบนี้...สิ่งหนึ่งที่เราอาจต้องเตือนและให้สติกับตัวเราเองให้จงดี ก็คือ...เราอาจต้องเตรียมตัวรับ "แรงกระแทก"
เพราะเมื่อเราโดนแรงกระแทกเข้าจริงๆ แล้วล่ะก็...เราจะได้เสียหายอย่างไม่บอบช้ำทางจิตใจจนมากเกินไปนัก
ขอบคุณเหตุแปลกๆ นี้ ที่ทำให้ผมมีเรื่องดีๆ ไว้เตือนสติ...ชีวิตนี้หนอ "ไม่มีอะไรแน่" จริงๆ ครับ
บ่ายวันนี้ ขณะที่ผมนั่งคุยงานอยู่บนรถกับลูกน้อง ฉับพลันก็มีรถที่ปราศจากคนขับคันหนึ่งไหลออกจากที่จอดรถมาด้วยความเร็วสูง
เดาออกใช่มั๊ยครับ ว่ารถคันนั้นไหลมาชนรถใคร?
ใช่อย่างที่เดาล่ะครับ...รถคนนั้นไหลมาชนรถผม โดยที่เลขาฯ ของผมที่ช่วยขับรถให้ ได้แค่ร้องว่า "เฮ้ย รถไหลมา"
ขณะที่โดนชน เราติดอยู่ในซอย เดินหน้าไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้ และรถคันนั้นก็ไหลมาเร็วมาก จนเราทำได้เพียงแค่มอง...แค่นั้นจริงๆ
...
ความจริงผมต้องชมเลขาฯ ของผมว่ามีสติดีมาก เพราะถ้าเค้าตกใจเข้าเกียร์ถอยหลังหรือเดินหน้า ความเสียหายคงมากกว่านี้อีกเยอะ และจากที่เราเป็นฝ่ายถูก ก็คงกลายเป็นฝ่ายผิดทันที
ทันทีที่เกิดเรื่อง รปภ. ก็วิ่งไปตามเจ้าของรถคันดังกล่าวมายังจุดเกิดเหตุ และเนื่องจากผมกำลังรีบไปประชุม ประกอบกับไม่ต้องการเป็นภาระกีดขวางเส้นทางสัญจร จึงให้ต่างฝ่ายต่างถ่ายรูป แล้วก็นัดมาเคลียร์กันใหม่อีกที
ว่ากันโดยสัตย์จริง ผมไม่ได้โกรธเจ้าของรถคันนั้นเลย ออกจะเห็นใจด้วยซ้ำ ว่าเค้าก็คงงงๆ อยู่เหมือนกัน ว่าเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง?
หลังทิ้งที่เกิดเหตุไว้เบื้องหลัง ระหว่างทางไปประชุม ผมก็นั่งถกกับลูกน้องถึงเรื่องนี้ต่อ คุยไปก็ขำไป ด้วยว่ามันเหลือเชื่อเอามากๆ
...จนถึงขณะที่เขียน Post นี้อยู่ ก็ยังไม่เชื่ออยู่นั่นเอง
...
แต่ไม่ทราบจะมีใครเห็นด้วยกับผมบ้างมั๊ยครับว่า...บางครั้งชีวิตของเราก็อาจเจอเหตุบางอย่างที่ทำให้เราตกอยู่ในสภาพเดินหน้าไม่ได้ ถอยหลังไม่ออก แบบนี้เหมือนกัน
เมื่อต้องเจอเหตุที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แบบนี้...สิ่งหนึ่งที่เราอาจต้องเตือนและให้สติกับตัวเราเองให้จงดี ก็คือ...เราอาจต้องเตรียมตัวรับ "แรงกระแทก"
เพราะเมื่อเราโดนแรงกระแทกเข้าจริงๆ แล้วล่ะก็...เราจะได้เสียหายอย่างไม่บอบช้ำทางจิตใจจนมากเกินไปนัก
ขอบคุณเหตุแปลกๆ นี้ ที่ทำให้ผมมีเรื่องดีๆ ไว้เตือนสติ...ชีวิตนี้หนอ "ไม่มีอะไรแน่" จริงๆ ครับ
Comments
Post a Comment