Post#3-147:
ใครที่เคยต้องเป็นท้าวมาลีวราชว่าความมาบ้าง คงเข้าใจได้ดีว่า มันเป็นความน่าปวดหัวเพียงใด จริงมั๊ยครับ?
ทั้งสองฝ่ายต่างก็อ้างว่าตัวเองพูดความจริง...ซึ่งเราคงไม่จำเป็นต้องแปลกใจว่า ความจริงของทั้งสองฝ่าย มักจะไม่ตรงกัน เสมอ
เหตุเพราะต่างฝ่ายต่างพูดความจริงจากมุมที่ตัวเองต้องการให้เป็น แต่ไม่ค่อยมีใครพูดข้อเท็จจริงออกมา
...
เมื่อผมต้องเจอสถานการณ์แบบนี้...ผมไม่เคยลังเลเลยที่จะเรียกทั้งสองฝ่ายมาคุยพร้อมหน้าพร้อมตากัน
คุยกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก่อนหรือหลัง...บางครั้งบางที ผู้ว่าความอาจโดนกล่าวหาว่า "ตาชั่ง" เอียง ได้ง่ายๆ
ข้อควรระวังที่สำคัญยิ่งอีกจุดหนึ่งก็คือ เราอาจต้องฟัง "เรื่องราว" ไปพร้อมๆ กับการแยก "ข้อเท็จจริง"
เรียกง่ายๆ ว่า ต้องแยก "ดราม่า" ออกจากการวิเคราะห์ก่อนนั่นเองครับ
...
ทิ้งท้ายไว้นิดนึงครับว่า ไม่ว่าเราจะตัดสินให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะ จะต้องมีอีกฝ่ายที่ไม่พอใจ
โดยมากถ้าต้องหาคนกลางมาว่าความแบบนี้ ทั้งสองฝ่ายมักถกกันด้วยเหตุผลและตรรกะไม่ค่อยเข้าใจ...แปลว่า ต่อให้เรายกเหตุผลที่ดีปานใดมาอธิบาย ก็มักจะเหนื่อยฟรี เพราะทั้งคู่ต้องการการตัดสินแบบ "ฟันธง"
อ้อ! และไม่ใช่ว่าการตัดสินให้ทั้งฝ่ายเสมอกันและเลิกแล้วกันไป จะแปลว่าทั้งสองฝ่ายจะ happy นะครับ...ผมจะบอกว่า ผลมักจะออกมาเป็น unhappy ทั้งสองฝ่าย เสียล่ะมากกว่า
...
หากคุณเลี่ยงได้ ก็อย่าได้เป็นผู้ว่าความ...
หากคุณเลี่ยงไม่ได้ ด้วยความจำเป็นบังคับ...คุณอาจจำเป็นต้องเลือกข้าง...
หากคุณไม่อยากเลือกข้าง...เห็นทีคุณต้องเหนื่อยหาทางออกที่ทั้งสองฝ่ายต่างไม่เสียประโยชน์ แต่คุณจำต้องระวังว่าจะกลายเป็นผู้เสียประโยชน์เสียเองหรือไม่
ใครที่เคยต้องเป็นท้าวมาลีวราชว่าความมาบ้าง คงเข้าใจได้ดีว่า มันเป็นความน่าปวดหัวเพียงใด จริงมั๊ยครับ?
ทั้งสองฝ่ายต่างก็อ้างว่าตัวเองพูดความจริง...ซึ่งเราคงไม่จำเป็นต้องแปลกใจว่า ความจริงของทั้งสองฝ่าย มักจะไม่ตรงกัน เสมอ
เหตุเพราะต่างฝ่ายต่างพูดความจริงจากมุมที่ตัวเองต้องการให้เป็น แต่ไม่ค่อยมีใครพูดข้อเท็จจริงออกมา
...
เมื่อผมต้องเจอสถานการณ์แบบนี้...ผมไม่เคยลังเลเลยที่จะเรียกทั้งสองฝ่ายมาคุยพร้อมหน้าพร้อมตากัน
คุยกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก่อนหรือหลัง...บางครั้งบางที ผู้ว่าความอาจโดนกล่าวหาว่า "ตาชั่ง" เอียง ได้ง่ายๆ
ข้อควรระวังที่สำคัญยิ่งอีกจุดหนึ่งก็คือ เราอาจต้องฟัง "เรื่องราว" ไปพร้อมๆ กับการแยก "ข้อเท็จจริง"
เรียกง่ายๆ ว่า ต้องแยก "ดราม่า" ออกจากการวิเคราะห์ก่อนนั่นเองครับ
...
ทิ้งท้ายไว้นิดนึงครับว่า ไม่ว่าเราจะตัดสินให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะ จะต้องมีอีกฝ่ายที่ไม่พอใจ
โดยมากถ้าต้องหาคนกลางมาว่าความแบบนี้ ทั้งสองฝ่ายมักถกกันด้วยเหตุผลและตรรกะไม่ค่อยเข้าใจ...แปลว่า ต่อให้เรายกเหตุผลที่ดีปานใดมาอธิบาย ก็มักจะเหนื่อยฟรี เพราะทั้งคู่ต้องการการตัดสินแบบ "ฟันธง"
อ้อ! และไม่ใช่ว่าการตัดสินให้ทั้งฝ่ายเสมอกันและเลิกแล้วกันไป จะแปลว่าทั้งสองฝ่ายจะ happy นะครับ...ผมจะบอกว่า ผลมักจะออกมาเป็น unhappy ทั้งสองฝ่าย เสียล่ะมากกว่า
...
หากคุณเลี่ยงได้ ก็อย่าได้เป็นผู้ว่าความ...
หากคุณเลี่ยงไม่ได้ ด้วยความจำเป็นบังคับ...คุณอาจจำเป็นต้องเลือกข้าง...
หากคุณไม่อยากเลือกข้าง...เห็นทีคุณต้องเหนื่อยหาทางออกที่ทั้งสองฝ่ายต่างไม่เสียประโยชน์ แต่คุณจำต้องระวังว่าจะกลายเป็นผู้เสียประโยชน์เสียเองหรือไม่
Comments
Post a Comment