Skip to main content

Post#3-154: What you know vs What you heard

Post#3-154:
ระหว่างรอประชุมเช้านี้ ผมไปเห็นวาทะนี้เข้าแล้วก็ถูกใจเป็นอย่างยิ่งครับ...อ่านแล้วรู้สึกว่า ถ้าทุกคนทำแบบนี้ได้...โลกก็คงน่าอยู่และวุ่นวายน้อยลงกว่านี้มากทีเดียว

วาทะนั้นว่าไว้ว่า...

"Always believe in what you know about me, not what you heard about me." แปลว่า "โปรดเชื่อเฉพาะสิ่งที่ท่านรู้เกี่ยวกับข้าพเจ้า มิใช่สิ่งที่ท่านได้ยินมาเกี่ยวกับข้าพเจ้า"

...

ไม่น้อยครั้งเอาเสียเลย ที่เราตัดสินผู้คน มิใช่จากการรู้จักมักคุ้นกับคนๆ นั้น แต่กลับเป็นอย่างที่วาทะข้างต้นได้บอกไว้...นั่นคือ เรามักตัดสินผู้คนจากเรื่องที่ได้รับฟังมา

บางทีเรายังไม่ได้พบคนๆ นั้น ก็พาลไม่ชอบหน้าเค้าไปเสียแล้ว ด้วยเหตุที่เราฟังคนนั้นเล่าที ฟังคนนี้พูดอีกอย่าง

พอใจเราอคติ เราก็เลยหาเหตุผลทุกอย่างมาสะกดจิตตัวเราเองว่า คนๆ นั้นเป็นอย่างที่เค้าพูดกันมาจริงๆ ด้วย

ตรงนี้ก็ไม่ได้ต่างจากที่เราฟัง "หมอดู" ทำนายทายทักเลยครับ...เพราะเราจะเลือกเชื่อมโยงเหตุการณ์และผู้คนรอบข้างให้ไปสอดคล้องกับสิ่งที่หมอดูทำนายไว้ แล้วเราก็สรุปเอาเองว่า หมอดูทายแม่นจัง

...

เวลาผมรับผู้บริหารระดับกลางเข้ามา ผมเองก็ไม่นิยมที่จะเล่าเรื่องนิสัยใจคอของลูกน้องระดับปฏิบัติการให้พวกเค้าฟัง ด้วยเหตุที่ผมกลัวว่า จะกลายเป็นการชี้นำให้เชื่อตามผม

มุมมองที่เรามีต่อใครสักคนอาจไม่ตรงกัน ผมจึงชอบให้พวกเค้าสัมผัสและคลุกคลีกับลูกน้องของพวกเค้าด้วยตนเองมากกว่า

ต่อเมื่อเค้าได้สัมผัสด้วยตัวเองแล้ว หากต้องการปรึกษาผมในเรื่องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง หรือปรับเปลี่ยนตัว...ผมและเค้า จึงค่อยมาวิพากย์เรื่องตัวบุคคลกันอีกที

...

เคยมั๊ยครับ ที่บางครั้งเราพาลเกลียดใครบางคนจากเรื่องที่ฟังมา แต่พอเรารู้จักใครบางคนที่ว่าเข้าจริงๆ แล้ว กลับกลายเป็นว่า เค้าก็ไม่เห็นจะเป็นเหมือนคำบอกเล่าที่ฟังๆ มาเลย...หลงเกลียดไปเสียตั้งนาน

ส่วนมากดาราและเจ้านายทั้งหลาย ก็มักจะตกเป็นเหยื่อของการถูกตัดสินจากคำบอกเล่าลักษณะนี้นั่นเองครับ

ฉะนั้น ก่อนจะตัดสินใครว่าเค้าเป็นแบบนั้นหรือแบบนี้ อย่างน้อยก็น่าจะให้โอกาสตัวเองได้รู้จักเค้ามากขึ้นสักนิด เสียก่อน...ยกเว้นมีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าใครคนนั้น เป็นอย่างที่เค้าว่ากันว่าจริงๆ

Cr: wisdomhealingcenter.com

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...