Post#3-170:
ผมพึ่งจะเสร็จจาก Massage Treatment เมื่อสักครู่นี้เองครับ
ความจริงผมไม่ชอบการนวดเอาเสียเลย เพราะมีประสบการณ์ไม่ค่อยดีกับการนวดในอดีต...แต่คราวนี้เส้นตึงจนหันหน้าไม่ค่อยจะได้ ประกอบกับปวดเอวมาก
ไม่ต้องโทษใครเลยครับ...สาเหตุเกิดจากหย่อนยานการออกกำลังกาย ประกอบกับ Office Syndrome ที่คนเมืองมักจะเป็นกันนั่นเอง
นอกจากนั้น หมอที่มานวดก็ให้ความรู้เพิ่มเติมว่า หนึ่งในสาเหตุของการปวดเอวมากๆ อาจมาจากอุปนิสัยของการขับถ่ายที่ไม่ดีด้วยเช่นกัน
...
ยังไงก็ตามแต่...การทำ Treatment เป็นแค่การแก้ปลายเหตุ แปลว่าตราบใดที่ผมยังไม่ขยันออกกำลังกายและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในที่ทำงาน ก็มีหวังจะต้องกลับมาเจ็บตัวกับ Treatment อีก
อาการเจ็บป่วยแบบที่ผมเป็นนี้ ก็พอจะอุปมาได้ว่า ผมยังทำงานเชิง Preventive Action ได้ไม่ดีพอ
การทำ Treatment เป็นเพียงการแก้ปลายเหตุ เป็น Corrective Action ต่างจาก Preventive Action ที่เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขึ้น
เหนือสุดของการรบให้ชนะ...ก็คือการวางแผนให้ไม่ต้องรบ เฉกเช่นกับเหนือสุดของการรักษาอาการป่วย ก็คือการหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเราป่วยนั่นเอง
...
ก่อนที่การป่วยจะแสดงอาการให้เราเห็นเด่นชัด จะต้องมีอาการนำก่อน...เป็นสัญญาณเตือนว่า ถ้าไม่ทำอะไรเสียบ้าง ก็จะป่วยแน่ๆ
ก็ไม่ต่างกับเรื่องงานครับ...ก่อนที่งานจะไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ย่อมต้องมีสัญญาณบางอย่างบ่งชี้...อยู่ที่เราจะสังเกตเห็นมั๊ย?
ดังนั้น จึงต้องรู้จักวางแผนป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้น และเช่นกับที่เมื่อเกิดข้อผิดพลาดขึ้นแล้ว ก็ต้องรู้จักหาหนทางแก้ไข
...จนกลายเป็นวงจรในการพัฒนาให้การทำงานดีขึ้นและดีขึ้นเรื่อยๆ นั่นเองครับ
ผมพึ่งจะเสร็จจาก Massage Treatment เมื่อสักครู่นี้เองครับ
ความจริงผมไม่ชอบการนวดเอาเสียเลย เพราะมีประสบการณ์ไม่ค่อยดีกับการนวดในอดีต...แต่คราวนี้เส้นตึงจนหันหน้าไม่ค่อยจะได้ ประกอบกับปวดเอวมาก
ไม่ต้องโทษใครเลยครับ...สาเหตุเกิดจากหย่อนยานการออกกำลังกาย ประกอบกับ Office Syndrome ที่คนเมืองมักจะเป็นกันนั่นเอง
นอกจากนั้น หมอที่มานวดก็ให้ความรู้เพิ่มเติมว่า หนึ่งในสาเหตุของการปวดเอวมากๆ อาจมาจากอุปนิสัยของการขับถ่ายที่ไม่ดีด้วยเช่นกัน
...
ยังไงก็ตามแต่...การทำ Treatment เป็นแค่การแก้ปลายเหตุ แปลว่าตราบใดที่ผมยังไม่ขยันออกกำลังกายและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในที่ทำงาน ก็มีหวังจะต้องกลับมาเจ็บตัวกับ Treatment อีก
อาการเจ็บป่วยแบบที่ผมเป็นนี้ ก็พอจะอุปมาได้ว่า ผมยังทำงานเชิง Preventive Action ได้ไม่ดีพอ
การทำ Treatment เป็นเพียงการแก้ปลายเหตุ เป็น Corrective Action ต่างจาก Preventive Action ที่เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขึ้น
เหนือสุดของการรบให้ชนะ...ก็คือการวางแผนให้ไม่ต้องรบ เฉกเช่นกับเหนือสุดของการรักษาอาการป่วย ก็คือการหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเราป่วยนั่นเอง
...
ก่อนที่การป่วยจะแสดงอาการให้เราเห็นเด่นชัด จะต้องมีอาการนำก่อน...เป็นสัญญาณเตือนว่า ถ้าไม่ทำอะไรเสียบ้าง ก็จะป่วยแน่ๆ
ก็ไม่ต่างกับเรื่องงานครับ...ก่อนที่งานจะไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ย่อมต้องมีสัญญาณบางอย่างบ่งชี้...อยู่ที่เราจะสังเกตเห็นมั๊ย?
ดังนั้น จึงต้องรู้จักวางแผนป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้น และเช่นกับที่เมื่อเกิดข้อผิดพลาดขึ้นแล้ว ก็ต้องรู้จักหาหนทางแก้ไข
...จนกลายเป็นวงจรในการพัฒนาให้การทำงานดีขึ้นและดีขึ้นเรื่อยๆ นั่นเองครับ
Comments
Post a Comment