Skip to main content

Post#3-160: Love Quotes for your Valentine's

Post#3-160:
ความรักเป็นสิ่งที่ไม่อาจทำความเข้าใจด้วยสมอง...หากแต่ต้องทำความเข้าใจด้วยหัวใจ

เมื่อใดที่คุณรู้สึกว่าหัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก...เมื่อนั้นคุณจะรู้สึกว่าคุณถูก "เติมเต็ม

สำหรับผมแล้ว...ที่สุดของความรัก...ก็คือการที่เราจะมีโอกาส grow old together ไปกับใครสักคนที่เรารักและรักเรา

...

บางคนอาจยังไม่เจอคนๆ นั้น, บางคนอาจกำลังนั่งกุมมือคนๆ นั้นอยู่, บางคนอาจท้อแท้และสิ้นหวังกับความรัก และบางคนอาจกำลังเชิดหน้าบอกกับตัวเองว่า อยู่คนเดียวก็ดีแล้ว

วันนี้ผิดหวังในความรัก ใช่ว่าวันข้างหน้าจะต้องผิดหวังตลอดไป...ถามตัวเองให้ดี ดูตัวเองให้แน่ ว่าที่แพ้ในเกมรัก เพราะตัวเราหรืออีกฝ่ายกันแน่?

อย่างน้อยช่วงที่รักใคร...หัวใจก็อบอุ่น หรือมิใช่?

ดังนั้นแล้ว...ไม่ว่าจะยังไง...ความรักก็ยังเป็นสิ่งที่สวยงาม

...

ว่าแล้ว เราก็ไปทัศนานิยามแห่งความรักพร้อมๆ กันดีกว่าครับ ^^

1. "You don't need someone to complete you. You only need someone to accept you completely." (Cr: inspirationboost.com)

แปลว่า "คุณไม่ได้ต้องการใครสักคนมาเติมเต็มคุณหรอก คุณแค่ต้องการใครสักคนที่ยอมรับคุณโดยไม่มีเงื่อนไขต่างหาก"

2. "Lucky is the man who is the first love of a woman, but luckier is the woman who is the last love of a man." (Cr: Unknown)

แปลว่า "คนโชคดี ก็คือชายที่เป็นรักแรกของหญิงสาว, แต่คนโชคดีกว่า ก็คือหญิงผู้ที่เป็นรักครั้งสุดท้ายของชายคนหนึ่ง"

3. "The best and most beautiful things in the world cannot be seen or even touched, they must be felt with the heart." (Cr: Helen Keller)

แปลว่า "สิ่งที่ดีและสวยงามที่สุดในโลกนั้น มิอาจมองเห็นได้ด้วยตาหรือมิอาจจะสัมผัสจับต้องได้, หากแต่ต้องรับรู้ด้วยใจเท่านั้น"

4. "Love is not a matter of counting the years, but making the years count." (Cr: Michelle Amand)

แปลว่า "ความรักไม่ใช่การนับเวลาที่ผ่านพ้นไปในแต่ละปี, แต่เป็นการทำให้แต่ละปีที่ผ่านพ้นไป มีค่า"

5. "Love doesn't make the world go round. Love is what makes the ride worth wide." (Cr: Franklin P. Jones)

แปลว่า "ความรัก มิได้เป็นสิ่งที่ทำให้โลกหมุนไป หากแต่ความรักทำให้แต่ละวันที่หมุนผ่านไป คุ้มค่า"

6. "Love is not what the mind thinks, but what the heart wants." (Cr: Greg Evans)

แปลว่า "ความรัก ไม่ใช่สิ่งที่ใจคิด หากแต่เป็นสิ่งที่ใจเราต้องการ"

7. "Everyone has someone in their life that keeps them looking forward to another day." (Cr: Unknown)

แปลว่า "ทุกคนต่างก็มีใครบางคนที่เป็นแรงผลักดันให้เค้าอยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป"

8. "Love is the power to see similarity in the dissimilar." (Cr: quotesideas.com)

แปลว่า "ความรัก คือพลังในการมองเห็นความเหมือนในความแตกต่าง"

9. Conversation:
Piglet: "How do you spell love?"
Pooh: "You don't spell it, you feel it."
(Cr: Unknown)

พิกเล็ต: "เราสะกดคำว่า "รัก" ยังไงนะ?"
พูห์: "เราไม่จำเป็นต้องสะกดมัน, เรารู้สึกถึงมันต่างหาก"

...

ไม่ว่านิยามของความรักของใครจะเป็นแบบไหน, ผมก็ยังยืนยันเหมือนที่ผมว่าไว้ข้างต้น...ไม่ว่าจะยังไง ความรักก็ยังเป็นสิ่งที่สวยงาม

ขอให้หัวใจทุกดวงถูกเติมเต็มไปด้วย "ความรัก" นะครับ

Have a very happy Valentine's Day ^^

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...