Skip to main content

Post#3-168: มาฆบูชา...ถึงเวลาเรียกสติ

Post#3-168:
ช่วงนี้ความร้อนแรงเกี่ยวกับกระแสการตั้งองค์สังฆราชก็ยังมิอาจหาข้อยุติลงได้ง่ายๆ

ผมเชื่อว่าใครก็ตามที่เป็นพุทธศาสนิกชนต่างก็พากันสังเวชใจกับภาพที่พระสงฆ์แตกแยกเป็นฝักเป็นฝ่าย ออกมาเรียกร้องหรือออกมาแสดงท่าทีที่ขาดความสำรวมเป็นที่น่าหดหู่

พระสงฆ์ฝ่ายใดเป็นฝ่ายถูก...คงไม่เป็นประเด็นมากเท่ากับความศรัทธาในวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์ทั้งหลายที่เรากราบไหว้บูชา

...

จะว่าไปแล้ว วิกฤตศรัทธาที่เกิดขึ้น คงจะเป็นสิ่งบ่งชี้ได้เป็นอย่างดีว่า ความเสื่อมถอยในพระธรรมวินัยได้เกิดขึ้นแล้ว อย่างยากที่จะแก้ไข

เหตุเพราะอลัชชีและเดียรถีย์บางพวก ทำให้ภาพลักษณ์แห่ง "พระสงฆ์" ต้องมัวหมอง กลายเป็นพระเพียงเพราะรูปลักษณ์แห่งสงฆ์ หาใช่เกิดจากการถือศีลอันสูงส่งกว่าปุถุชนไม่

แม้ว่า "พระสงฆ์" ที่แท้ จะยังมีอยู่อย่างแน่นอนในบ้านเมืองของเรา แต่ท่านก็จำต้องวางตนอยู่บนอุเบกขา ไม่ออกมาแสดงมิจฉากิริยาให้แปดเปื้อนกองกิเลสและตัณหา

...

เนื่องในวันมาฆบูชานี้ ผมจึงถือเป็นโอกาสดีที่เราชาวพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จะได้น้อมนำพระธรรมคำสั่งสอนที่องค์พระผู้มีพระภาคเจ้าได้โปรดประทานให้พวกเรา มาใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิตอย่างมีสติ...ใช้เตือนใจให้ผองเราได้ "ทำดี...ละชั่ว...และทำจิตใจให้บริสุทธิ์"

และขอให้พระวิสุทธิคุณแห่งพระธรรมได้โปรดดลบันดาลให้พระสงฆ์บางรูปกลับมีสติระลึกผิดชอบ...หาใช่ใส่ใจในเรื่องความแพ้ชนะ และพ้นจากการชี้นำที่ผิดๆ จากพวกมารศาสนาทั้งหลาย

ว่ากันตามสภาพแล้ว ผมมิได้อยู่ในฐานะที่จะเตือนสติพระสงฆ์ได้ ด้วยเหตุที่ฐานแห่งศีลของผมต่ำกว่า

หากแต่หวังว่า พวกที่เป็นสงฆ์แต่รูป จะพึงสังวรณ์ถึงอนันตริยกรรมที่ทำอยู่ จะเกิดหิริโอตตัปปะได้บ้าง

...

กฎหมายหรือกฎแห่งโลก อาจทำอะไรเหล่ามารศาสนามิได้...หากแต่กฎแห่งกรรมจะทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์อย่างแน่นอน

พระสงฆ์ที่มีจรรยาและวัตรปฏิบัติที่ดี...สาธุชนต่างนบไหว้ ด้วยเหตุที่ท่านมีศีลที่สูงกว่าคนทั่วไป อีกทั้งท่านมีสวรรค์หรือนิพพานเป็นที่ไป

ส่วนอลัชชีและเดียร์ถีย์...มีทางอบายเป็นที่ไปเท่านั้น

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...