Post#3-150:
เคยสงสัยมั๊ยครับว่า "ศาสนา" กับ "ปรัชญา" ต่างกันยังไง?
สารภาพว่า ก่อนผมจะพบคำตอบนี้ ผมแยกไม่ออกเอาจริงๆ ว่า คำสอนไหนที่น่าจะเป็นศาสนาหรือปรัชญากันแน่...ค่าที่คำสอนต่างๆ ก็ล้วนแต่เป็นเรื่องดีและสอนใจเราทั้งสิ้น
เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฝึกความคิดเราได้เป็นอย่างดี ผมเลยอยากจะชวนให้ลองคิดตามดูนะครับ ว่าทั้ง 2 เรื่องนี้ ต่างกันยังไงแน่
ผมให้เวลา 10 นาที เลยครับ
...
จนถึงตรงนี้ ผมเองก็ยังไม่อาจชี้ชัดลงไปได้ ว่าการตีความต่อไปนี้ ของผู้ให้นิยามของความต่างระหว่างศาสนากับปรัชญา จะถูกต้องหรือไม่
แต่ต้องบอกว่า ผมชอบการตีความของเค้ามาก และยังหานิยามที่ดีกว่าเค้าไม่ได้เลย...น่าเสียดายที่ไม่ทราบว่า ใครเป็นผู้นิยามไว้ครับ
เค้าคนนั้น ว่าไว้ว่า...
"Philosophy: Questions that may never be answered. ("ปรัชญา: คำถามที่อาจไม่มีวันได้รับคำตอบ)
Religion: Answers that must never be questioned." (ศาสนา: คำตอบที่ไม่ควรต้องสงสัย (หรือตั้งคำถาม)")
...
ผมลองวิเคราะห์ตามดู จึงเห็นด้วยมากๆ ครับ เพราะเท่าที่สังเกตดูนั้น ศาสนาส่วนใหญ่ จะเป็นเรื่องของศรัทธา สอนให้เราเชื่อด้วย "หัวใจ"
แต่เมื่อใดก็ตามที่เป็นเรื่องของปรัชญา ก็มักออกมาในรูปของ "คำคม" ที่บ่อยครั้งที่อ่านเที่ยวเดียวมักจะไม่เข้าใจในทันที อ่านแล้วต้องคิดตาม และมักลงท้ายด้วยการไม่มีคำตอบแบบตายตัว, เป็นการสอนให้เราเชื่อด้วย "สมอง"
...
คำตอบของปรัชญาจึงผันแปรไปตามผู้วิเคราะห์ และอาจต่างกันไปตามแต่ละยุคสมัย...และขึ้นอยู่กับการตีความ
ส่วนความศรัทธาที่มีต่อศาสนา มักไม่ค่อยแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ไม่ขึ้นกับว่าใครเป็นผู้อ่านคำตอบ...อาจมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แผกเพี้ยนไปบ้าง แต่แก่นหลักๆ มักไม่ค่อยเปลี่ยน
...
เมื่อมีคำถามสำคัญที่มักไม่เคยมีใครหาคำตอบที่ดีได้ เกิดขึ้น, ต่อเมื่อมีคนที่หาคำตอบที่เข้าท่าได้ เมื่อนั้น ศาสนาจึงบังเกิด...
ศาสดาจึงสมควรเป็นผู้ได้รับการยกย่อง เหตุเพราะท่านค้นพบคำตอบที่หลายๆ คนไม่อาจตอบได้
ส่วนนักปรัชญาก็ควรเป็นผู้ได้รับการชื่นชม เหตุเพราะท่านเป็นผู้ตั้งคำถามที่ผลักดันให้ผู้คนค้นหาคำตอบ
ปราศจากปรัชญา จึงอาจไม่มีศาสนาเกิดขึ้น และหากปราศจากศาสนา คนเราก็อาจถึงขั้นไร้สิ่งยึดเหนี่ยว...
และเมื่อใดที่ "คำตอบที่ใช่" ไม่อาจใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจได้อีกต่อไป เมื่อนั้น "คำถามใหม่ที่ยังไม่มีคำตอบ" ก็จะเกิดขึ้น...
...เป็นวัฏจักรที่หมุนเวียนและนำพามนุษยชาติทั้งหลาย มาถึงวันนี้ ^^
เคยสงสัยมั๊ยครับว่า "ศาสนา" กับ "ปรัชญา" ต่างกันยังไง?
สารภาพว่า ก่อนผมจะพบคำตอบนี้ ผมแยกไม่ออกเอาจริงๆ ว่า คำสอนไหนที่น่าจะเป็นศาสนาหรือปรัชญากันแน่...ค่าที่คำสอนต่างๆ ก็ล้วนแต่เป็นเรื่องดีและสอนใจเราทั้งสิ้น
เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฝึกความคิดเราได้เป็นอย่างดี ผมเลยอยากจะชวนให้ลองคิดตามดูนะครับ ว่าทั้ง 2 เรื่องนี้ ต่างกันยังไงแน่
ผมให้เวลา 10 นาที เลยครับ
...
จนถึงตรงนี้ ผมเองก็ยังไม่อาจชี้ชัดลงไปได้ ว่าการตีความต่อไปนี้ ของผู้ให้นิยามของความต่างระหว่างศาสนากับปรัชญา จะถูกต้องหรือไม่
แต่ต้องบอกว่า ผมชอบการตีความของเค้ามาก และยังหานิยามที่ดีกว่าเค้าไม่ได้เลย...น่าเสียดายที่ไม่ทราบว่า ใครเป็นผู้นิยามไว้ครับ
เค้าคนนั้น ว่าไว้ว่า...
"Philosophy: Questions that may never be answered. ("ปรัชญา: คำถามที่อาจไม่มีวันได้รับคำตอบ)
Religion: Answers that must never be questioned." (ศาสนา: คำตอบที่ไม่ควรต้องสงสัย (หรือตั้งคำถาม)")
...
ผมลองวิเคราะห์ตามดู จึงเห็นด้วยมากๆ ครับ เพราะเท่าที่สังเกตดูนั้น ศาสนาส่วนใหญ่ จะเป็นเรื่องของศรัทธา สอนให้เราเชื่อด้วย "หัวใจ"
แต่เมื่อใดก็ตามที่เป็นเรื่องของปรัชญา ก็มักออกมาในรูปของ "คำคม" ที่บ่อยครั้งที่อ่านเที่ยวเดียวมักจะไม่เข้าใจในทันที อ่านแล้วต้องคิดตาม และมักลงท้ายด้วยการไม่มีคำตอบแบบตายตัว, เป็นการสอนให้เราเชื่อด้วย "สมอง"
...
คำตอบของปรัชญาจึงผันแปรไปตามผู้วิเคราะห์ และอาจต่างกันไปตามแต่ละยุคสมัย...และขึ้นอยู่กับการตีความ
ส่วนความศรัทธาที่มีต่อศาสนา มักไม่ค่อยแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ไม่ขึ้นกับว่าใครเป็นผู้อ่านคำตอบ...อาจมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แผกเพี้ยนไปบ้าง แต่แก่นหลักๆ มักไม่ค่อยเปลี่ยน
...
เมื่อมีคำถามสำคัญที่มักไม่เคยมีใครหาคำตอบที่ดีได้ เกิดขึ้น, ต่อเมื่อมีคนที่หาคำตอบที่เข้าท่าได้ เมื่อนั้น ศาสนาจึงบังเกิด...
ศาสดาจึงสมควรเป็นผู้ได้รับการยกย่อง เหตุเพราะท่านค้นพบคำตอบที่หลายๆ คนไม่อาจตอบได้
ส่วนนักปรัชญาก็ควรเป็นผู้ได้รับการชื่นชม เหตุเพราะท่านเป็นผู้ตั้งคำถามที่ผลักดันให้ผู้คนค้นหาคำตอบ
ปราศจากปรัชญา จึงอาจไม่มีศาสนาเกิดขึ้น และหากปราศจากศาสนา คนเราก็อาจถึงขั้นไร้สิ่งยึดเหนี่ยว...
และเมื่อใดที่ "คำตอบที่ใช่" ไม่อาจใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจได้อีกต่อไป เมื่อนั้น "คำถามใหม่ที่ยังไม่มีคำตอบ" ก็จะเกิดขึ้น...
...เป็นวัฏจักรที่หมุนเวียนและนำพามนุษยชาติทั้งหลาย มาถึงวันนี้ ^^
Comments
Post a Comment