Post#3-362:
เช้านี้ผมมา Breakfast Meeting กับนักธุรกิจใหญ่ชาวต่างชาติ ที่ผมมีโอกาสได้ทำงานด้วย
ต้องถือว่า เป็น Breakfast Meeting ที่ยอดเยี่ยมที่สุดอีกครั้งหนึ่งของผม เพราะทำให้ได้ข้อมูลเชิงลึกของธุรกิจ ชนิดที่ทำ Market Survey ยังไง ก็ไม่มีทางได้มา
ในยุคก่อนสมัยก่อน...เราคงคุ้นเคยกับ "ปลาใหญ่กินปลาเล็ก" จนเจ้าสัวใหญ่ท่านหนึ่งออกมาแสดงวิสัยทัศน์ว่า ยุคนี้สมัยนี้ ต้อง "ปลาเร็วกินปลาช้า" ต่างหาก
แปลว่า จะเป็นปลาเร็วกินปลาช้าได้ ก็จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องรู้ข้อมูลเชิงลึกเร็วกว่าคนอื่นๆ
...
จาก Economy of Scale ในยุคก่อนๆ...มาถึงปัจจุบันนี้ กลายเป็น Economy of Speed
นั่นแปลว่า เราใส่ใจกับ Cost to Market น้อยลง แต่หันไปสู่ Time to Market กันมากขึ้น
ถ้าสามารถนำเสนอสินค้าที่มีความแตกต่างได้เร็วกว่าคนอื่นๆ นั่นย่อมหมายถึงเรามีโอกาสชิงจังหวะการเป็นผู้นำ...
และหากสินค้าของเรามี Uniqueness สูง ก็ย่อมจะทำให้เรามี Barrier บางอย่าง ที่เอื้อให้เราสามารถวิ่งเข้าไปสู่ Economy of Scale ได้ในภายหลัง โดยที่คู่แข่งได้แต่มองตามตาปริบๆ
สำคัญแต่ที่ว่า เราจะหาความจุดต่างหรือสร้างจุดต่างในการนำเสนอสินค้า ได้หรือไม่?
…
แน่นอนว่า มันเป็นเรื่องท้าทายพอสมควรที่จะสามารถหาสินค้าที่ไม่เคยมีอยู่ในโลกนี้มาก่อน มานำเสนอลูกค้า, ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้นะครับ เพียงแต่มันอาจจะเป็นความท้าทายที่ยากยิ่ง เสียมากกว่า
ดังนั้น โจทย์ของนักขายและนักการตลาด จึงอยู่ที่วิธีในการนำเสนอให้ทำให้ลูกค้า “รู้สึก” ว่ามันมีความแตกต่าง ระหว่างสินค้าของเรากับสินค้าที่อยู่ในตลาด
นั่นล่ะครับ หลักการของการสร้าง Brand Positioning และ Brand Differentiation ผ่าน Brand Communication
...และเมื่อเตรียมตัวพร้อมพอควรแล้ว จึงต้องจู่โจมอย่างรวดเร็ว เพื่อชิงจังหวะเป็นผู้นำ และหาโอกาสขยายผลในภายหลัง...
เช้านี้ผมมา Breakfast Meeting กับนักธุรกิจใหญ่ชาวต่างชาติ ที่ผมมีโอกาสได้ทำงานด้วย
ต้องถือว่า เป็น Breakfast Meeting ที่ยอดเยี่ยมที่สุดอีกครั้งหนึ่งของผม เพราะทำให้ได้ข้อมูลเชิงลึกของธุรกิจ ชนิดที่ทำ Market Survey ยังไง ก็ไม่มีทางได้มา
ในยุคก่อนสมัยก่อน...เราคงคุ้นเคยกับ "ปลาใหญ่กินปลาเล็ก" จนเจ้าสัวใหญ่ท่านหนึ่งออกมาแสดงวิสัยทัศน์ว่า ยุคนี้สมัยนี้ ต้อง "ปลาเร็วกินปลาช้า" ต่างหาก
แปลว่า จะเป็นปลาเร็วกินปลาช้าได้ ก็จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องรู้ข้อมูลเชิงลึกเร็วกว่าคนอื่นๆ
...
จาก Economy of Scale ในยุคก่อนๆ...มาถึงปัจจุบันนี้ กลายเป็น Economy of Speed
นั่นแปลว่า เราใส่ใจกับ Cost to Market น้อยลง แต่หันไปสู่ Time to Market กันมากขึ้น
ถ้าสามารถนำเสนอสินค้าที่มีความแตกต่างได้เร็วกว่าคนอื่นๆ นั่นย่อมหมายถึงเรามีโอกาสชิงจังหวะการเป็นผู้นำ...
และหากสินค้าของเรามี Uniqueness สูง ก็ย่อมจะทำให้เรามี Barrier บางอย่าง ที่เอื้อให้เราสามารถวิ่งเข้าไปสู่ Economy of Scale ได้ในภายหลัง โดยที่คู่แข่งได้แต่มองตามตาปริบๆ
สำคัญแต่ที่ว่า เราจะหาความจุดต่างหรือสร้างจุดต่างในการนำเสนอสินค้า ได้หรือไม่?
…
แน่นอนว่า มันเป็นเรื่องท้าทายพอสมควรที่จะสามารถหาสินค้าที่ไม่เคยมีอยู่ในโลกนี้มาก่อน มานำเสนอลูกค้า, ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้นะครับ เพียงแต่มันอาจจะเป็นความท้าทายที่ยากยิ่ง เสียมากกว่า
ดังนั้น โจทย์ของนักขายและนักการตลาด จึงอยู่ที่วิธีในการนำเสนอให้ทำให้ลูกค้า “รู้สึก” ว่ามันมีความแตกต่าง ระหว่างสินค้าของเรากับสินค้าที่อยู่ในตลาด
นั่นล่ะครับ หลักการของการสร้าง Brand Positioning และ Brand Differentiation ผ่าน Brand Communication
...และเมื่อเตรียมตัวพร้อมพอควรแล้ว จึงต้องจู่โจมอย่างรวดเร็ว เพื่อชิงจังหวะเป็นผู้นำ และหาโอกาสขยายผลในภายหลัง...
Comments
Post a Comment