Post#4-012:
ปกติผมจะมักจะใช้บริการ Taxi เกือบทุกครั้ง เมื่อมาถึงและลาจากสิงคโปร์...ค่าที่ข้าวของมันจะพะรุงพะรังนิดหน่อย
และเป็นประจำที่ผมมักจะเป็นฝ่ายชวนสนทนากับคนขับ...ซึ่งโดยส่วนมากใช้ภาษาอังกฤษได้ดีเหลือหลาย
หลายครั้งบทสนทนาจากคนขับรถ Taxi ที่ดูเหมือนน่าจะเป็นแค่บทสนทนาฆ่าเวลา...กลับกลายเป็นบทเรียนล้ำค่า ให้ผมได้นำไปคิดต่อยอดได้มากมาย
...
บ่ายวันนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผมได้พบกับปราชญ์ท่านหนึ่ง (สมมติว่าชื่อ คุณลุง L นะครับ) ที่โชคชะตาพาให้มาเจอกัน
คุณลุง L อยู่ในวัยเกษียณแล้ว...แต่ไม่ยอมหยุดอยู่บ้านเฉยๆ ให้เหี่ยวเฉา...ว่าแล้วคุณลุงก็เลยมาขับ Taxi ได้ 4-5 ปีแล้ว
ตอนหนึ่งของการสนทนา...ผมก็เล่าให้คุณลุงฟังว่า Taxi ของบ้านเราต่างจากสิงคโปร์ยังไงบ้าง
คุณลุงฟังไปก็ยิ้มไป...แล้วก็สรุปว่า "คงไม่เฉพาะคนขับ Taxi ที่เมืองไทย หรอก เพราะคนขับ Taxi ชาวสิงคโปร์บางคน ก็มีที่นิสัยไม่ดี...
และไม่ว่าจะเป็นคนขับชาวไทยหรือสิงคโปร์ก็ตาม ที่แสดงกิริยาไม่ดีต่อผู้โดยสาร ล้วนต้องถือว่า ไม่เคารพในอาชีพตัวเอง"
คุณลุง L ว่าต่อไปว่า "คนเรา ไม่เฉพาะแต่อาชีพ Taxi เท่านั้น หากแต่รวมไปถึงทุกอาชีพ...หากไม่เคารพอาชีพตัวเองแล้ว...ก็อย่าหวังว่าจะเจริญก้าวหน้า และอย่าหวังว่าจะมีใครให้เกียรติ"
"ดังนั้น ผู้ให้บริการจำต้องเคารพอาชีพตัวเองก่อน รู้จักให้เกียรติตัวเองก่อน...จึงจะพร้อมสำหรับการได้รับเกียรติจากผู้อื่น"
"ลูกค้าก็เช่นกัน...หากต้องการได้รับการบริการที่ดี...จึงจำเป็นต้องทำตัวเป็นลูกค้าที่ดีเสียก่อน...เมื่อรู้จักให้เกียรติผู้ให้บริการ ก็จึงจะได้รับการบริการที่สมกับเกียรติที่ให้กับผู้อื่นไป"
...
นอกจากนั้น คุณลุง L ยังเล่าให้ฟังถึงสมัยที่คุณลุงยังทำงาน office อยู่ด้วย...โดยหลักใหญ่ใจความก็อยู่ที่ การเลือกที่จะมอง
คุณลุงบอกว่า เพื่อนร่วมงานบางคนบ่นว่าด่าทอเจ้านายและบริษัทฯ มากมาย...และลงท้ายด้วยการบอกว่าจะลาออก
คุณลุงหัวเราะแล้วบอกว่า "น่าขันที่ ผ่านมากว่า 15 ปี คนๆ นั้นก็ยังบ่นเหมือนเดิม และก็ยังไม่ลาออกเสียที"
คุณลุง L บอกต่อว่า "แท้จริงแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่มุมมอง, มองให้แย่ก็แย่ หากแต่มองให้ดีก็ดี...ดังนั้น อย่ามัวแต่บ่นและก่นด่าปัญหา เพราะบ่นไปก็แก้ปัญหาไม่ได้"
...
แนวคิดท้ายสุดที่ทำให้ผมยกคุณลุง L เป็นจอมปราชญ์ก็คือ..."หลักการใช้ชีวิตให้เรียบง่าย" นั่นเอง (คุณลุงใช้คำว่า to live a simple life)
แก่นของแนวคิดของคุณลุงก็คือ "จงอย่าใช้ชีวิตแบบยุ่งยาก, รู้จักใช้เงิน ไม่ใช่เป็นทาสเงิน, รู้จักเรียนรู้เทคโนโลยี ไม่ใช่เป็นทาสของเทคโนโลยี, รู้จักมองหาแง่งามของการแก้ปัญหา ไม่ใช่มองหาแต่ทางตันของปัญหา"
"เมื่อคุณใช้ชีวิตเรียบง่าย...ชีวิตคุณก็จะไม่ตกเป็นทาสของคน, เงิน และทรัพย์สิน แต่จะเป็นคนที่เห็นคุณค่าของคน, รู้จักใช้เงิน และรู้จักเลือกถือครองทรัพย์สิน"
...
จากโรงแรมที่ผมไปจิบน้ำชายามบ่ายกับเพื่อนจนไปถึงสนามบิน กินเวลาเพียงแค่ 30 นาที เท่านั้น...แต่นับเป็น 30 นาที ที่ผมได้เรียนรู้มากเหลือเกิน
หากเราวัดความมั่งคั่งของคนเราด้วยวิธีคิด...ผมมั่นใจว่าคุณลุง L ก็ควรอยู่ในขั้นเศรษฐีหมื่นล้านแน่ๆ ครับ
เมื่อลงจากรถ...ผมขออนุญาต Shake hand กับคุณลุงอยู่นาน พร้อมค้อมศีรษะลงต่ำให้กับจอมปราชญ์ผมสีดอกเลา ด้วยความคารวะอย่างสูง
...คำพูดของคุณลุงก้องอยู่ในหัวผมซ้ำไปซ้ำมาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้
..."คุณต้องรู้จักเคารพตัวเองก่อน...แล้วคุณจึงจะพร้อมได้รับการเคารพจากผู้อื่น"...
ปกติผมจะมักจะใช้บริการ Taxi เกือบทุกครั้ง เมื่อมาถึงและลาจากสิงคโปร์...ค่าที่ข้าวของมันจะพะรุงพะรังนิดหน่อย
และเป็นประจำที่ผมมักจะเป็นฝ่ายชวนสนทนากับคนขับ...ซึ่งโดยส่วนมากใช้ภาษาอังกฤษได้ดีเหลือหลาย
หลายครั้งบทสนทนาจากคนขับรถ Taxi ที่ดูเหมือนน่าจะเป็นแค่บทสนทนาฆ่าเวลา...กลับกลายเป็นบทเรียนล้ำค่า ให้ผมได้นำไปคิดต่อยอดได้มากมาย
...
บ่ายวันนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผมได้พบกับปราชญ์ท่านหนึ่ง (สมมติว่าชื่อ คุณลุง L นะครับ) ที่โชคชะตาพาให้มาเจอกัน
คุณลุง L อยู่ในวัยเกษียณแล้ว...แต่ไม่ยอมหยุดอยู่บ้านเฉยๆ ให้เหี่ยวเฉา...ว่าแล้วคุณลุงก็เลยมาขับ Taxi ได้ 4-5 ปีแล้ว
ตอนหนึ่งของการสนทนา...ผมก็เล่าให้คุณลุงฟังว่า Taxi ของบ้านเราต่างจากสิงคโปร์ยังไงบ้าง
คุณลุงฟังไปก็ยิ้มไป...แล้วก็สรุปว่า "คงไม่เฉพาะคนขับ Taxi ที่เมืองไทย หรอก เพราะคนขับ Taxi ชาวสิงคโปร์บางคน ก็มีที่นิสัยไม่ดี...
และไม่ว่าจะเป็นคนขับชาวไทยหรือสิงคโปร์ก็ตาม ที่แสดงกิริยาไม่ดีต่อผู้โดยสาร ล้วนต้องถือว่า ไม่เคารพในอาชีพตัวเอง"
คุณลุง L ว่าต่อไปว่า "คนเรา ไม่เฉพาะแต่อาชีพ Taxi เท่านั้น หากแต่รวมไปถึงทุกอาชีพ...หากไม่เคารพอาชีพตัวเองแล้ว...ก็อย่าหวังว่าจะเจริญก้าวหน้า และอย่าหวังว่าจะมีใครให้เกียรติ"
"ดังนั้น ผู้ให้บริการจำต้องเคารพอาชีพตัวเองก่อน รู้จักให้เกียรติตัวเองก่อน...จึงจะพร้อมสำหรับการได้รับเกียรติจากผู้อื่น"
"ลูกค้าก็เช่นกัน...หากต้องการได้รับการบริการที่ดี...จึงจำเป็นต้องทำตัวเป็นลูกค้าที่ดีเสียก่อน...เมื่อรู้จักให้เกียรติผู้ให้บริการ ก็จึงจะได้รับการบริการที่สมกับเกียรติที่ให้กับผู้อื่นไป"
...
นอกจากนั้น คุณลุง L ยังเล่าให้ฟังถึงสมัยที่คุณลุงยังทำงาน office อยู่ด้วย...โดยหลักใหญ่ใจความก็อยู่ที่ การเลือกที่จะมอง
คุณลุงบอกว่า เพื่อนร่วมงานบางคนบ่นว่าด่าทอเจ้านายและบริษัทฯ มากมาย...และลงท้ายด้วยการบอกว่าจะลาออก
คุณลุงหัวเราะแล้วบอกว่า "น่าขันที่ ผ่านมากว่า 15 ปี คนๆ นั้นก็ยังบ่นเหมือนเดิม และก็ยังไม่ลาออกเสียที"
คุณลุง L บอกต่อว่า "แท้จริงแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่มุมมอง, มองให้แย่ก็แย่ หากแต่มองให้ดีก็ดี...ดังนั้น อย่ามัวแต่บ่นและก่นด่าปัญหา เพราะบ่นไปก็แก้ปัญหาไม่ได้"
...
แนวคิดท้ายสุดที่ทำให้ผมยกคุณลุง L เป็นจอมปราชญ์ก็คือ..."หลักการใช้ชีวิตให้เรียบง่าย" นั่นเอง (คุณลุงใช้คำว่า to live a simple life)
แก่นของแนวคิดของคุณลุงก็คือ "จงอย่าใช้ชีวิตแบบยุ่งยาก, รู้จักใช้เงิน ไม่ใช่เป็นทาสเงิน, รู้จักเรียนรู้เทคโนโลยี ไม่ใช่เป็นทาสของเทคโนโลยี, รู้จักมองหาแง่งามของการแก้ปัญหา ไม่ใช่มองหาแต่ทางตันของปัญหา"
"เมื่อคุณใช้ชีวิตเรียบง่าย...ชีวิตคุณก็จะไม่ตกเป็นทาสของคน, เงิน และทรัพย์สิน แต่จะเป็นคนที่เห็นคุณค่าของคน, รู้จักใช้เงิน และรู้จักเลือกถือครองทรัพย์สิน"
...
จากโรงแรมที่ผมไปจิบน้ำชายามบ่ายกับเพื่อนจนไปถึงสนามบิน กินเวลาเพียงแค่ 30 นาที เท่านั้น...แต่นับเป็น 30 นาที ที่ผมได้เรียนรู้มากเหลือเกิน
หากเราวัดความมั่งคั่งของคนเราด้วยวิธีคิด...ผมมั่นใจว่าคุณลุง L ก็ควรอยู่ในขั้นเศรษฐีหมื่นล้านแน่ๆ ครับ
เมื่อลงจากรถ...ผมขออนุญาต Shake hand กับคุณลุงอยู่นาน พร้อมค้อมศีรษะลงต่ำให้กับจอมปราชญ์ผมสีดอกเลา ด้วยความคารวะอย่างสูง
...คำพูดของคุณลุงก้องอยู่ในหัวผมซ้ำไปซ้ำมาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้
..."คุณต้องรู้จักเคารพตัวเองก่อน...แล้วคุณจึงจะพร้อมได้รับการเคารพจากผู้อื่น"...
Comments
Post a Comment