Post#4-004:
ผมตื่นแต่เช้าเพราะมีนัดประชุมกับทีมงานและ Outsource เพื่อเคลียร์ประเด็นที่เข้าใจไม่ตรงกันมากมายหลายเรื่อง
หลักใหญ่ใจความก็เกิดจากต่างฝ่ายต่างก็เปลี่ยนจากการทำงานตามกติกาที่วางไว้ กลายเป็นทำงานตามที่ตัวเองสะดวก
นี่ไม่ใช่ปัญหาใหม่...แต่เป็นปัญหาคู่ชาติที่พบเจอได้ในทุกขนาดขององค์กรและทุกประเภทธุรกิจ
...
ถามว่า ทำไมจึงเป็นแบบนี้?
คำตอบนั้นก็แสนจะตรงไปตรงมาครับ...นั่นก็คือ ผู้คนส่วนใหญ่คิดว่า "เพราะมันง่ายดี"
ง่ายสำหรับเรา...โดยที่ไม่ใส่ใจเลยว่าจะยากสำหรับใคร
ง่ายดีกับการจัดการงานที่อยู่ตรงหน้าให้พ้นๆ ไป...โดยไม่แคร์ว่า สุดท้ายก็ต้องแก้ไขสิ่งที่ทำลงไปอยู่ดี
...
บ่อยครั้งและมากหน ที่ปัญหาเกิดขึ้นอย่างไม่น่าจะเกิด เพียงเพราะ...
ไม่มีการพูดคุยกัน เมื่อมีใครอยากจะเปลี่ยนแปลงขั้นตอนการทำงาน...ต่างฝ่ายต่างก็คิดว่า เปลี่ยนแปลงนิดๆ หน่อยๆ คงไม่เป็นไรหรอก
ไม่มีใครคิดอยากจะแก้ไขข้อผิดพลาด...มีแต่การพร่ำบ่นและชี้ว่า ความผิดพลาดนั้นไม่ได้เกิดจากฝ่ายตน
เหล่านี้เพราะไม่มองไปถึงต้นสายและปลายเหตุ...วางขอบเขตเฉพาะงานที่ผ่านมาตรงหน้าเท่านั้น
...
ลองนึกภาพโรงงานผลิตรถยนต์ดูครับ
ถ้าแต่ละคนสนใจเฉพาะงานตรงหน้า...แปลว่าต่อให้มีชิ้นส่วนที่ผิดพลาดส่งมา เราก็ยังจะประกอบชิ้นส่วนต่อไป...ประกอบทั้งที่รู้ว่ามันผิดนั่นล่ะ และไม่แม้กระทั่งจะบอกฝ่ายต้นทางว่า ส่งงานที่ไม่ถูกต้องมา
หากรถยนต์คันที่มีแต่ความผิดพลาดนี้ หลุดไปถึงมือลูกค้า...ถามว่า ใครที่เดือดร้อน?
ย่อมต้องเป็นเจ้าของบริษัทอย่างไม่ต้องสงสัย...เพราะลูกค้าคงไม่มานั่งเห็นใจ แล้วก็บอกว่า เพราะชิ้นส่วนนี้ไงที่ผิดพลาด ส่วนอื่นถูกต้องแล้ว
...
ที่น่าเสียใจก็คือ เรามักจะได้ยินคำว่า "ขอโทษ" จากทีมที่ทำงานผิดพลาด แต่ไม่ค่อยจะได้ยินคำว่า "จะไม่ให้เกิดขึ้นอีก"
แปลว่า เมื่อไหร่ที่พบข้อผิดพลาด ก็ขอโทษ และก็ตั้งต้นทำผิดพลาดแบบเดิมเรื่อยไป...ไม่ได้มีการลงมือป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ
แปลว่า มักจะมีแต่คำชี้แจงว่า ที่เกิดข้อผิดพลาดนั้น เพราะอะไร...แต่ไม่ค่อยมีใครคิดว่า จะไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดนั้น ต้องทำยังไง
...ขั้นตอนการทำงานนั้น กำหนดได้และสอนได้...แต่น่าเสียดายที่ต้องบอกว่า งานจะถูกทำตามที่กำหนดและสอนไว้ อย่างตั้งใจและใส่ใจหรือไม่ ก็อยู่ที่ "สำนึก" ของแต่ละบุคคล...
#ผิดเพราะไม่เข้าใจพอทน #ผิดเพราะไม่ใส่ใจให้ทำไงดี #ประชุมไปทำไมถ้าไม่คิดจะปรับปรุง #ทำเต็มที่แล้วใช่มั๊ยถามใจตัวเองดู
ผมตื่นแต่เช้าเพราะมีนัดประชุมกับทีมงานและ Outsource เพื่อเคลียร์ประเด็นที่เข้าใจไม่ตรงกันมากมายหลายเรื่อง
หลักใหญ่ใจความก็เกิดจากต่างฝ่ายต่างก็เปลี่ยนจากการทำงานตามกติกาที่วางไว้ กลายเป็นทำงานตามที่ตัวเองสะดวก
นี่ไม่ใช่ปัญหาใหม่...แต่เป็นปัญหาคู่ชาติที่พบเจอได้ในทุกขนาดขององค์กรและทุกประเภทธุรกิจ
...
ถามว่า ทำไมจึงเป็นแบบนี้?
คำตอบนั้นก็แสนจะตรงไปตรงมาครับ...นั่นก็คือ ผู้คนส่วนใหญ่คิดว่า "เพราะมันง่ายดี"
ง่ายสำหรับเรา...โดยที่ไม่ใส่ใจเลยว่าจะยากสำหรับใคร
ง่ายดีกับการจัดการงานที่อยู่ตรงหน้าให้พ้นๆ ไป...โดยไม่แคร์ว่า สุดท้ายก็ต้องแก้ไขสิ่งที่ทำลงไปอยู่ดี
...
บ่อยครั้งและมากหน ที่ปัญหาเกิดขึ้นอย่างไม่น่าจะเกิด เพียงเพราะ...
ไม่มีการพูดคุยกัน เมื่อมีใครอยากจะเปลี่ยนแปลงขั้นตอนการทำงาน...ต่างฝ่ายต่างก็คิดว่า เปลี่ยนแปลงนิดๆ หน่อยๆ คงไม่เป็นไรหรอก
ไม่มีใครคิดอยากจะแก้ไขข้อผิดพลาด...มีแต่การพร่ำบ่นและชี้ว่า ความผิดพลาดนั้นไม่ได้เกิดจากฝ่ายตน
เหล่านี้เพราะไม่มองไปถึงต้นสายและปลายเหตุ...วางขอบเขตเฉพาะงานที่ผ่านมาตรงหน้าเท่านั้น
...
ลองนึกภาพโรงงานผลิตรถยนต์ดูครับ
ถ้าแต่ละคนสนใจเฉพาะงานตรงหน้า...แปลว่าต่อให้มีชิ้นส่วนที่ผิดพลาดส่งมา เราก็ยังจะประกอบชิ้นส่วนต่อไป...ประกอบทั้งที่รู้ว่ามันผิดนั่นล่ะ และไม่แม้กระทั่งจะบอกฝ่ายต้นทางว่า ส่งงานที่ไม่ถูกต้องมา
หากรถยนต์คันที่มีแต่ความผิดพลาดนี้ หลุดไปถึงมือลูกค้า...ถามว่า ใครที่เดือดร้อน?
ย่อมต้องเป็นเจ้าของบริษัทอย่างไม่ต้องสงสัย...เพราะลูกค้าคงไม่มานั่งเห็นใจ แล้วก็บอกว่า เพราะชิ้นส่วนนี้ไงที่ผิดพลาด ส่วนอื่นถูกต้องแล้ว
...
ที่น่าเสียใจก็คือ เรามักจะได้ยินคำว่า "ขอโทษ" จากทีมที่ทำงานผิดพลาด แต่ไม่ค่อยจะได้ยินคำว่า "จะไม่ให้เกิดขึ้นอีก"
แปลว่า เมื่อไหร่ที่พบข้อผิดพลาด ก็ขอโทษ และก็ตั้งต้นทำผิดพลาดแบบเดิมเรื่อยไป...ไม่ได้มีการลงมือป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ
แปลว่า มักจะมีแต่คำชี้แจงว่า ที่เกิดข้อผิดพลาดนั้น เพราะอะไร...แต่ไม่ค่อยมีใครคิดว่า จะไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดนั้น ต้องทำยังไง
...ขั้นตอนการทำงานนั้น กำหนดได้และสอนได้...แต่น่าเสียดายที่ต้องบอกว่า งานจะถูกทำตามที่กำหนดและสอนไว้ อย่างตั้งใจและใส่ใจหรือไม่ ก็อยู่ที่ "สำนึก" ของแต่ละบุคคล...
#ผิดเพราะไม่เข้าใจพอทน #ผิดเพราะไม่ใส่ใจให้ทำไงดี #ประชุมไปทำไมถ้าไม่คิดจะปรับปรุง #ทำเต็มที่แล้วใช่มั๊ยถามใจตัวเองดู
Comments
Post a Comment