Skip to main content

Post#4-011: Singapore Grand Prix

Post#4-011:
ผมมีโอกาสได้ไปเข้าชมการแข่งขัน F1 Grand Prix ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่ Singapore เมื่อชั่วโมงที่ผ่านมานี่เองครับ

ต้องขอบคุณหุ้นส่วนชาวต่างชาติที่เชิญผมมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ในรายการที่ยิ่งใหญ่แบบนี้

ความฝันของผู้ชายส่วนใหญ่...ก็น่าจะมีเรื่องการได้ขับรถความเร็วระดับ F1 เป็นเรื่องหนึ่งในนั้น

...

ตั๋วของผมเป็นตั๋วที่เรียกว่า Walkabout ซึ่งหมายถึงสามารถเดินไปมุมนั้น นู้น นี้ ของสนามแข่งได้ตามใจ

อีกแบบหนึ่งก็คือตั๋วนั่ง ซึ่งต้องอยู่กับที่ ไปไหนไม่ได้จนกว่าจะจบการแข่งขัน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

อารมณ์ของการมาดูการแข่งค่ำนี้ ก็ประมาณไปดูการแข่งม้าที่ Royal Ascot หรือการแข่งโปโลที่ Cowdray Park ล่ะครับ...

ถ้าจะให้นึกภาพตามได้ง่ายขึ้น...ก็คล้ายๆ กับการไป Outdoor Picnic ปูเสื่อนั่งชิลล์ๆ กับเพื่อนฝูง...ประมาณนั้น

...

ได้มาดูของจริงกับตาและได้ยินเสียงเครื่องยนต์กับหูแล้ว...ต้องบอกว่าบรรยากาศค่อนข้างต่างจากใน TV มากโขอยู่ครับ

จังหวะรถวิ่งทางตรง...ผมมองเห็นเกือบจะเป็นแค่เงาๆ เท่านั้นเอง...ต้องเดินหามุมที่เป็นทางโค้ง จึงพอจะเก็บภาพรถได้บ้าง

พอมาสัมผัสความเร็วระดับนี้แล้ว...สารภาพว่า บางความฝันของลูกผู้ชายน่ะ ปล่อยให้เป็นความฝัน ก็คงดีอยู่แล้ว ^^

เพราะถ้านักแข่งขยับพวงมาลัยผิดนิดเดียว...ผมก็ไม่อยากคิดถึงภาพต่อแล้วล่ะครับ

...

สรุปแล้ว ถ้าจะเอาบรรยากาศ...ต้องมาดูที่สนามครับ แต่ถ้าจะเอาแบบรู้เรื่อง ดูจาก TV ที่บ้าน เข้าใจกว่าเยอะ

ถามว่าสนุกมั๊ย...ผมตอบเลยว่า "ก็พอได้" และถ้าถามว่าคุ้มค่ากับการมาสัมผัสบรรยากาศมั๊ย...ผมตอบเลยว่า "ก็ดี"

แต่ถ้าถามว่า หากมีใครชวนมาแล้วจะมาอีกมั้ย...ผมจะหันไปยิ้มกว้างๆ แล้วบอกเค้าด้วยสีหน้ามั่นใจ ว่า "No, thank you!"

...

ในชีวิตจริงของเรา...บางครั้งเราก็เจออะไรแบบนี้เช่นกันครับ

ก็คือ จ่ายเงินแบบไม่คุ้มค่ากับข้อมูลหรือประสบการณ์อะไรบางอย่าง เพื่อให้ได้ชื่อว่าได้ข้อมูลหรือประสบการณ์นั้นโดยตรง

แทนที่จะเลือกจ่ายเงินที่น้อยกว่ามาก...เพื่อให้ได้ข้อมูลหรือประสบการณ์แบบเดียวกัน แต่อาจจะด้อยคุณภาพลงมานิดหน่อย

นึกภาพตามไม่ชัด...ก็เช่นซื้อของมือสอง จำพวกแผ่นเกม, มือถือ, รถยนต์, ฯลฯ ประมาณนั้นล่ะครับ

...ยังไงก็ตาม ประสบการณ์ครั้งนั้น จะคุ้มค่าหรือไม่ ก็อยู่ที่การประเมิน และแล้วแต่ความพึงพอใจของเราครับ...

#SingaporeGrandPrix #PicnicMode #GreatTimeWithFriends

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...