Post#3-363:
แม้ว่าจริงๆ แล้ว คนเราจะมีความสามารถที่จะทำอะไรได้หลายๆ อย่างพร้อมๆ กันก็ตาม...แต่ก็น่าจะดีกว่าที่เราจะทำอะไรให้เสร็จเป็นอย่างๆ ไป หรือไม่หนอ?
ผมกำลังชวนคุยเรื่องการทำงานหลายๆ อย่างพร้อมๆ กันของชาวพนักงาน office นั่นล่ะครับ
...เช่น วันธรรมดาทำงานประจำ, กลางคืนเล่นดนตรีตาม pub ส่วนวันหยุดไปขายของตลาดนัด...แบบนี้ ทั่วๆ ไปก็จะเรียกว่า ทำหลายอย่างพร้อมๆ กัน
แม้ว่าที่จริง เราควรเรียกว่า มันคือการ "จัดสรรเวลาสำหรับทำงานหลายๆ อย่าง" เสียมากกว่า
...
หากเรามิได้นำเวลาของงานประจำมาใช้ในการคิดหรือทำงานเสริม...ผมก็เห็นว่า ไม่ได้เป็นเรื่องผิดแต่อย่างใด
ตราบเท่าที่แยกแยะเวลาได้...ไม่ใช่มาแต่งเพลงในเวลางานประจำ หรือแว่บงานไปซื้อของเพื่อเตรียมขายวันหยุด
แต่เท่าที่พบเจอนั้น...โดยมากมักไม่ค่อยรู้จักที่จะแยกแยะ เลยทำเรื่องส่วนตัวในเวลางานได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ
...ไม่อยากจะฟันธงเลยครับ ว่าคงเพราะคิดว่า งานประจำน่ะ จะยังไงก็ได้ จะเสร็จหรือไม่ก็ไม่เดือดร้อน เพราะยังไงเสีย สิ้นเดือนก็รับเงินแน่ๆ
...
ที่จริงแล้ว สำนึกผิดชอบชั่วดี ก็ทำหน้าที่เตือนสติเราอยู่แล้ว...แต่เราเลือกที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกันอยู่รึเปล่า?
ถ้าการทำงานเสริมในเวลางานประจำเป็นสิ่งชอบธรรมจริงๆ...ถามหน่อยเถอะครับ ทำไมต้องหลบๆ ซ่อนๆ ทำ?
ถ้าการเอาเวลางานประจำไปทำธุระส่วนตัว เป็นสิ่งที่ถูกต้องจริง...ทำไมจึงอ้ำๆ อึ้ง ที่จะตอบนายว่า ตอนนี้กำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน?
...ถ้าสิ่งที่กำลังหลบๆ ซ่อนๆ ทำ...เป็นสิ่งที่เราเองก็รู้ว่าผิด...ถามหน่อยเถอะครับ ถ้าเราเป็นนายจ้าง (ของงานประจำ) เราจะยังยินดีจ่ายค่าจ้างให้คนแบบนี้มั๊ยหนอ?...
แม้ว่าจริงๆ แล้ว คนเราจะมีความสามารถที่จะทำอะไรได้หลายๆ อย่างพร้อมๆ กันก็ตาม...แต่ก็น่าจะดีกว่าที่เราจะทำอะไรให้เสร็จเป็นอย่างๆ ไป หรือไม่หนอ?
ผมกำลังชวนคุยเรื่องการทำงานหลายๆ อย่างพร้อมๆ กันของชาวพนักงาน office นั่นล่ะครับ
...เช่น วันธรรมดาทำงานประจำ, กลางคืนเล่นดนตรีตาม pub ส่วนวันหยุดไปขายของตลาดนัด...แบบนี้ ทั่วๆ ไปก็จะเรียกว่า ทำหลายอย่างพร้อมๆ กัน
แม้ว่าที่จริง เราควรเรียกว่า มันคือการ "จัดสรรเวลาสำหรับทำงานหลายๆ อย่าง" เสียมากกว่า
...
หากเรามิได้นำเวลาของงานประจำมาใช้ในการคิดหรือทำงานเสริม...ผมก็เห็นว่า ไม่ได้เป็นเรื่องผิดแต่อย่างใด
ตราบเท่าที่แยกแยะเวลาได้...ไม่ใช่มาแต่งเพลงในเวลางานประจำ หรือแว่บงานไปซื้อของเพื่อเตรียมขายวันหยุด
แต่เท่าที่พบเจอนั้น...โดยมากมักไม่ค่อยรู้จักที่จะแยกแยะ เลยทำเรื่องส่วนตัวในเวลางานได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ
...ไม่อยากจะฟันธงเลยครับ ว่าคงเพราะคิดว่า งานประจำน่ะ จะยังไงก็ได้ จะเสร็จหรือไม่ก็ไม่เดือดร้อน เพราะยังไงเสีย สิ้นเดือนก็รับเงินแน่ๆ
...
ที่จริงแล้ว สำนึกผิดชอบชั่วดี ก็ทำหน้าที่เตือนสติเราอยู่แล้ว...แต่เราเลือกที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกันอยู่รึเปล่า?
ถ้าการทำงานเสริมในเวลางานประจำเป็นสิ่งชอบธรรมจริงๆ...ถามหน่อยเถอะครับ ทำไมต้องหลบๆ ซ่อนๆ ทำ?
ถ้าการเอาเวลางานประจำไปทำธุระส่วนตัว เป็นสิ่งที่ถูกต้องจริง...ทำไมจึงอ้ำๆ อึ้ง ที่จะตอบนายว่า ตอนนี้กำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน?
...ถ้าสิ่งที่กำลังหลบๆ ซ่อนๆ ทำ...เป็นสิ่งที่เราเองก็รู้ว่าผิด...ถามหน่อยเถอะครับ ถ้าเราเป็นนายจ้าง (ของงานประจำ) เราจะยังยินดีจ่ายค่าจ้างให้คนแบบนี้มั๊ยหนอ?...
Comments
Post a Comment