Skip to main content

Posts

Showing posts from May, 2017

Post#4-267: ไปตามความฝันของเรา

Post#4-267: เมื่อเช้านี้ มีอดีตลูกน้องผมคนหนึ่ง ส่งเสียงตามสายมาปรึกษาว่า จะย้ายงานดีมั๊ย ? ประเด็นคือเธอก็ไม่ได้รู้สึกว่างานปัจจุบันมันน่าอึดอัดแต่อย่างใด แถมเจ้านายก็น่ารักกับเธอเสียเหลือเกิน ส่วนงานใหม่ที่เข้ามา เป็นงานในฝันของเธอมานับสิบๆ ปี ... จนเธอคิดว่าชาตินี้คงจะไม่ได้ทำเสียแล้ว แต่จู่ๆ โอกาสที่จะได้ทำงานในฝันที่ว่านี้ ก็มาเคาะประตูเรียก ... อีกเรื่องหนึ่งที่เธอกังวลก็คือ เธอกลัวเพื่อนๆ และคนรอบข้างจะมองว่า เธอเปลี่ยนงานบ่อย ... จนเธอเกรงว่า จะตกเป็นขี้ปากว่า เธอเป็นพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อรึเปล่า ? ถ้าเราเป็นเธอ ... จะตัดสินใจยังไงดีครับ ? ... คำแนะนำที่ผมมีให้เธอนั้น ง่ายมาก ... โดยผมใช้คำถาม 2 ข้อ เพื่อให้เธอหาคำตอบด้วยตัวเอง คำถามที่หนึ่ง ... ชอบงานใหม่หรือชอบงานเก่ามากกว่ากัน ? คำถามที่สอง ... ชาวบ้านที่เรากำลังกลัวว่าจะตกเป็นขี้ปากน่ะ มีส่วนได้เสียอะไรกับเรามั๊ย ? เธอได้คำตอบเกือบจะในทันทีที่ผมถามคำถามจบ ... ส่วนเรื่องเจ้านายที่แสนดีในปัจจุบัน ... ผมแนะนำเธอให้ไปเรียนตามตรง ว่าเธอจะไปตามความฝันของต...

Post#4-266: วุ่นวายกับเรื่อง "คน"

Post#4-266: ช่วงนี้ผมกำลังวุ่นวายกับการปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อให้สะท้อนกับปริมาณงานและขนาดของธุรกิจ ยอมรับเลยครับ ... ว่าเป็นงานที่ชวนปวดหัวไม่ใช่เล่น งานอะไรก็ตามที่ต้องไปเกี่ยวพันกับเรื่อง " อัตรากำลังคน " นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่อง " ไม่ง่าย " เลย ... เหตุก็เพราะ " คน " เป็น " ทรัพยากร " ที่สำคัญขององค์กร ซึ่งเราไม่อาจลงทุนแบบมั่วๆ ได้ ... ในขณะที่การหาคนให้เหมาะกับงานขององค์กรว่ายากแล้ว งานที่ยากยิ่งกว่า ก็คือการรักษาคนให้อยู่กับองค์กร และยากขึ้นไปอีกขั้นก็คือ การพัฒนาศักยภาพของคนในองค์กรให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ มันอันตรายอย่างยิ่ง ... หากคนในองค์กรเป็นพวก " ทนอยู่ " แทนที่จะเป็น " อยู่ทน " ... พวก " ทนอยู่ " คือพวกนับวันรอ ... มีงานใหม่ที่ดีกว่า รับรองว่าพวกนี้จะไม่ลังเลที่จะทิ้งองค์กร ... หรือไม่ก็ขอเก็บเกี่ยววิชาจากองค์กรอีกนิด เมื่อพร้อมแล้วก็จะไปแน่ๆ ส่วนพวก " อยู่ทน " แบ่งได้เป็นอีก 2 พวกย่อย คือ อยู่ทนเพราะเป็น Dead Wood  ...

Post#4-265: ฝนฟ้าไม่เป็นใจ

Post#4-265: เมื่อกลางวันนี้ ผมไปทานข้าวที่ร้านประจำร้านหนึ่ง ซึ่งพักหลังผมไม่ได้ไปมานานพอควร ขณะกำลังสั่งอาหาร ก็เจอเจ้าของร้านเข้าพอดี ... เลยมีโอกาสไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกันตามประสาคนคุ้นเคย ตอนหนึ่งของการสนทนา ... พี่เจ้าของร้านตอบคำถามของผมที่ว่า " ช่วงนี้ ค้าขายเป็นยังไงบ้าง " ว่าช่วงนี้ขายไม่ดีเอาเสียเลย เพราะฝนฟ้าไม่เป็นใจ ว่าแล้วพี่เค้าก็แชร์ให้ผมฟังต่ออีกยาวเลยครับ ว่าที่สุดแล้ว พี่เค้าปรับตัวยังไงบ้าง ? ... เอาจริงๆ ผมได้ยินคำตอบทำนองนี้ มาเป็นร้อยๆ หน ... ไม่ว่ากับธุรกิจอะไรก็ตาม ตั้งแต่ร้านสะดวกซื้อไปจนถึงธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ แต่ทว่า ไม่ทุกคนที่จะคิดหาทางออกเหมือนที่พี่เจ้าของร้านเล่าให้ผมฟัง ... ได้แต่รำพึงรำพันก่นฟ้าด่าชะตา ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็แปลว่าช่วงไหนที่สภาพอากาศไม่อำนวย เป็นต้นว่า ฝนตกหนัก , น้ำท่วม , แดดร้อน , ฯลฯ ... เราก็คงต้องก้มหน้ารับชะตากรรม อย่างนั้นรึเปล่า ? คำตอบเป็นไปได้ทั้ง " ใช่ " และ " ไม่ใช่ " ล่ะครับ ... ขึ้นอยู่กับว่า เราจะเลือกตอบตัวเองแบบไหน ? ... ผมไม่เถีย...

Post#4-264: ความสามารถ vs ความอ่อนน้อม

Post#4-264: แน่นอนว่าทุกๆ คนย่อมมีวันเริ่มต้นชีวิตการทำงานวันแรก โดยส่วนใหญ่เราก็เริ่มจากตำแหน่งเล็กๆ และค่อยๆ ไต่เต้าขึ้นมาจนมีตำแหน่งและหน้าที่การงานดีขึ้น แต่ก็มีบางคนที่จมอยู่ในตำแหน่งหน้าที่เดิมๆ มาหลายปีเหลือเกิน ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ? ... จากการที่เคยเป็นลูกน้องมาก็หลายปีและมีลูกน้องอีกนับพันๆ คน ... ผมพบว่า การที่เราจะก้าวหน้าในงานได้นั้น เราจำเป็นต้องมี 2 คุณสมบัติพร้อมๆ กัน หนึ่งคือ " ความสามารถ " หรือที่เรียกว่า "Competency"... ซึ่งผมถือว่าเป็นคุณสมบัติสำคัญที่จะทำให้เราโดดเด่น ดังนั้น เราจึงต้องหมั่นตั้งคำถามกับตัวเองว่า เราเก่งในงานที่เรารับผิดชอบมากพอรึยัง ? ถ้ายัง ... ทำยังไงเราจึงจะเก่งขึ้น เชี่ยวชาญขึ้น จนหาคนที่จะเก่งเท่าเราได้ยาก ถ้าเราพัฒนาความสามารถได้ดี ... เราก็พร้อมในระดับหนึ่งที่จะก้าวหน้า แต่บางครั้งเราก็อาจจะสงสัยว่า ทำไมเราเก่งถึงขนาดนี้แล้ว ยังไม่ก้าวหน้าเสียที ถ้าเป็นแบบนี้ ... ก็ต้องลองพิจารณาว่า เราขาดคุณสมบัติข้อที่สองหรือไม่ ? ... ส่วนคุณสมบัติข้อที่สอง ... ก็คือ...

Post#4-263: บุพเพสันนิวาส

Post#4-263: มีใครเชื่อในเรื่องบุพเพสันนิวาสบ้างมั๊ยครับ? ผมก็ไม่แน่ใจว่า ผมเข้าใจคำนี้ได้ถูกต้องมากน้อยเพียงใด แต่จู่ๆ คำๆ นี้ ก็แว่บมาในใจของผม...แล้วอารมณ์กวีก็บังเกิด ขอความรักสถิตย์อยู่ในใจทุกๆ คนนะครับ ^^ ... บุพเพสันนิวาส โอ้บุพเพสันนิวาสประหลาดนัก ใช่จักรักใครสักคนง่ายไฉน เราเจอคนมากี่คนไม่สนใจ แต่ทำไมกับบางคนเราผูกพัน เราเจอคนร้อยพันหมื่นบนผืนโลก ใจไม่โยกไม่ไหวติงไม่ผกผัน แต่กับใครบางคนเรารำพัน ทั้งใจสั่นทั้งคิดถึงทุกเวลา โอ้ความรักเจ้าช่างทรงอานุภาพ ดั่งคำสาปสั่งหัวใจให้โหยหา ยามอยู่ใกล้ใจเต้นรัวกว่าเคยมา ยามไกลหน้าใจเจียนหยุดสุดอาวรณ์ ชะรอยคงเป็นสัญญาข้ามชาติภพ จึงมาพบมาผูกใจกันอีกหน รวมวิญญาร่วมหัวใจใครสองคน บุพเพดลพิสวาททุกชาติไป ดังคำกลอนคำสอนสุนทรภู่ ยังจำอยู่ประทับจิตอย่างหลงใหล แว่วเสนาะทำนองเสียงซ่านทรวงใน ประทับใจสะท้านจิตมิส่างซา แม้ชาตินี้อาจมิได้เคียงคู่ชิด ขอตามติดให้ได้เคียงกันชาติหน้า แม้ชาตินี้ต้องห่างไกลเกินสบตา ขอชาติหน้าได้อยู่เคียงกันสองคน อธิษฐานผ่านฟ้าข้าวอนขอ จะเฝ้าร...

Post#4-262: คุยกันไปคุยกันมา

Post#4-262: บ่ายที่ผ่านมานี้เอง ... ผมมีประชุมในระดับ " ไตรภาคี " ร่วมกับโรงงานและลูกค้า ... เพราะคุยกันทีละรอบทีละฝ่าย หลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่จบเสียที เอาจริงๆ ... นี่ก็คือชีวิตจริงของการทำงานที่เราไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้เลย แม้จะคุยเรื่องเดียวกัน แต่ต่างเวลา และต่างคู่เจรจา ... แต่ดูเหมือนความเข้าใจจะไม่เคยถูกต้องตรงกัน เราคุยกับโรงงานแบบนึง , โรงงานไปสื่อสารกับลูกค้าแบบนึง และลูกค้าก็มาคุยกับเราอีกแบบนึง ... เรื่องมันถึงยุ่งขิงอีรุงตุงนังเสียจนน่าปวดหัว ... ที่เป็นแบบนี้ เพราะเรามักจะใช้กรอบประสบการณ์และกรอบความคิดของตัวเราเองเป็นตัวตั้ง สุดท้ายแล้ว ความจริงที่เรารับรู้กับความจริงที่ฝ่ายอื่นรับรู้ ... จึงมักกลายเป็นคนละเรื่องไปเสียมากครั้ง รวมความแล้ว ก็เพราะ " คิดไปเอง ", " ทึกทักไปเอง " หรือไม่ก็ " สรุปเอาเอง " ว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอย่างนั้น ต้องการอย่างนี้ ดังนั้น การพูดคุยพร้อมๆ กัน เพื่อให้ความเข้าใจตรงกันจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก และจำเป็นเหลือเกินที่จะต้องสรุปเป็นบันทึกความเข้าใจร่วม...

Post#4-261: งานตรงหน้า vs งานที่คั่งค้าง

Post#4-261: หลายวันก่อน ผมต้องมารอเปลี่ยนเครื่องจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่ง...ซึ่งใช้เวลารอนานถึง 9 ชั่วโมง! มันนานพอที่จะเอื้อให้ผมได้นั่งทบทวนและสะสางงานหลายๆ อย่างที่ค้างอยู่ โดยไม่มีใครติดต่อมา...เพราะเวลาต่างจากเมืองไทยนานพอควร ระหว่างผมจัดระเบียบความคิดและ file ข้อมูลใน cloud, ผมก็ได้เจอข้อมูลอะไรบางอย่าง ที่หลงลืมไปนาน ... บ่อยครั้ง เราก็เป็นเสียแบบนี้...คือนึกว่าเราจำนั่น นู่น นี่ ได้... แต่จริงๆ แล้ว เราได้รับข้อมูลและเรื่องราวมากมายในแต่ละวัน...และมันมากพอที่จะทำให้ข้อมูลหรือเรื่องราวก่อนหน้า ถูกผลักเข้าไปสู่ลิ้นชักความทรงจำ กองสุมอยู่ในนั้น...และรอให้เราเข้าไปรื้อค้นเพื่อจัดระเบียบ บางครั้ง แม้ว่าเราจะเจอข้อมูล แต่เรากลับจำไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าเราต้องการจะใช้ข้อมูลนี้ เพื่อประโยชน์ในเรื่องใด ... ถ้าลองทบทวนให้ดี...ชีวิตเราก็ต่างเจอเรื่องคล้ายๆ กันแบบนี้เยอะมากนะครับ เราจึงต้องถามตัวเองว่า เราใช้เวลาในการจัดการเรื่องราวต่างๆ เหมาะสมและถูกลำดับความสำคัญก่อนหลังหรือไม่หนอ? เรามัวแต่จะจัดการเรื่องด่วนต่างๆ ตรงหน้า...จนละเลยเรื่องส...