Skip to main content

Post#4-265: ฝนฟ้าไม่เป็นใจ

Post#4-265:
เมื่อกลางวันนี้ ผมไปทานข้าวที่ร้านประจำร้านหนึ่ง ซึ่งพักหลังผมไม่ได้ไปมานานพอควร

ขณะกำลังสั่งอาหาร ก็เจอเจ้าของร้านเข้าพอดี...เลยมีโอกาสไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกันตามประสาคนคุ้นเคย

ตอนหนึ่งของการสนทนา...พี่เจ้าของร้านตอบคำถามของผมที่ว่า "ช่วงนี้ ค้าขายเป็นยังไงบ้าง" ว่าช่วงนี้ขายไม่ดีเอาเสียเลย เพราะฝนฟ้าไม่เป็นใจ

ว่าแล้วพี่เค้าก็แชร์ให้ผมฟังต่ออีกยาวเลยครับ ว่าที่สุดแล้ว พี่เค้าปรับตัวยังไงบ้าง?

...

เอาจริงๆ ผมได้ยินคำตอบทำนองนี้ มาเป็นร้อยๆ หน...ไม่ว่ากับธุรกิจอะไรก็ตาม ตั้งแต่ร้านสะดวกซื้อไปจนถึงธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ

แต่ทว่า ไม่ทุกคนที่จะคิดหาทางออกเหมือนที่พี่เจ้าของร้านเล่าให้ผมฟัง...ได้แต่รำพึงรำพันก่นฟ้าด่าชะตา

ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็แปลว่าช่วงไหนที่สภาพอากาศไม่อำนวย เป็นต้นว่า ฝนตกหนัก, น้ำท่วม, แดดร้อน, ฯลฯ...เราก็คงต้องก้มหน้ารับชะตากรรม อย่างนั้นรึเปล่า?

คำตอบเป็นไปได้ทั้ง "ใช่" และ "ไม่ใช่" ล่ะครับ...ขึ้นอยู่กับว่า เราจะเลือกตอบตัวเองแบบไหน?

...

ผมไม่เถียงครับ ว่าเมื่อฟ้าฝนไม่เป็นใจ จะค้าจะขายอะไรมันก็ไม่ง่ายเอาเลยจริงๆ...

แต่ถามว่า หน้านี้ ฝนมันก็ตกทุกปี, น้ำมันก็ท่วมทุกปี แปลว่าเราต้องก้มหน้ารับชะตากรรมมันเรื่อยไปอย่างนั้นรึเปล่า?

ในทำนองเดียวกัน เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ของเทคโนโลยี, ผลกระทบจากนโยบายภาครัฐ, การเมืองระหว่างประเทศ หรือปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อธุรกิจของเรา...เราจะเลือกทำยังไงครับ?

...

หนึ่ง...บ่นกับตัวเองว่า ช่วงนี้ค้าขายไม่ดี แต่ไม่เป็นไร ใครๆ ก็แย่กันทั้งนั้น

หรือสอง...หาทางที่จะไม่แย่ไปตามกระแสของปัจจัยต่างๆ ที่มากระทบ

ทุกคนต่างรู้ว่า ควรเลือกทางที่สอง แต่โดยมากกลับทำแบบที่หนึ่ง!

...เราต่างก็รู้ ว่าโลกแห่งความเป็นจริงมันไม่เคยสวยงาม...และมีแต่ผู้ที่เข้าใจถึงความสวยงามในการต่อสู้เท่านั้น ที่จะ "รอด" ไปยิ้มได้ที่เส้นชัย...

#NoteToSelf: 

  • โลกนี้มีที่ยืนสำหรับ "ผู้แพ้"...แต่ไม่เคยมีที่ยืนสำหรับ "ผู้ที่ยอมแพ้"
  • แม้วันนี้เราอาจจะแพ้พ่าย แต่เราจะยังไม่พ่ายแพ้...ถ้าลุกขึ้นสู้ในทุกๆ ครั้งที่ล้มลง
  • ก็เพราะ "เทพีแห่งชัยชนะ" นิยมชมชอบผู้ที่ไม่มีคำว่า "ยอมแพ้" ในหัวใจ นั่นไง

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...