Skip to main content

Post#4-241: เมื่อต่ำต้อยต้องอ่าน "ฟ้า"...เมื่อเติบกล้าต้องห่วง "ดิน"

Post#4-241:
บ่ายที่ผ่านมาผมได้รับการร้องขอให้ไปแนะนำการทำแผนธุรกิจให้กับ Artist ชาวต่างชาติ

โดยธรรมชาติของ Artist หรือศิลปินทั้งหลายนั้น มักจะมีความเป็น Pure Art สูง ทำให้ละเลยข้อเท็จจริงในด้าน Commercial ไปเสียมาก

ลงท้ายคือมักจะเข้าข่าย มีขีดความสามารถสูง แต่ทำธุรกิจไม่ค่อยจะได้...หรือทำได้ก็ไม่ค่อยดี

...

หน้าที่ของ Business Consultant อย่างผม...จึงต้องทำหน้าที่ดึงให้ Artist ยอมลดระดับของ Ideal (หรืออุดมการณ์) ให้ลงมาใกล้เคียงกับ Reality (หรือความจริง) ให้ได้

การจะแปลงความฝันของ Artist ให้กลายมาเป็นความจริงที่คนธรรมดาทั่วไปสามารถจับต้องสัมผัสได้...จึงเป็นความท้าทายที่น่าสนุก

น่ายินดีที่บ่ายนี้ผมสามารถ fine tune ความฝันของศิลปินให้กลายเป็น Business Plan ที่ศิลปินต่างชาติท่านนั้นยอมรับได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ

...

ในชีวิตจริง ใครที่เป็นผู้บริหารระดับกลาง ก็มักจะเจอสถานการณ์ที่ไม่ต่างจากผมเลย

เพราะต้องคอยเชื่อมระหว่างนโยบายของผู้บริหารระดับสูง...กับความเป็นจริงของระดับปฏิบัติการ...อยู่ร่ำไป

ผู้บริหารระดับสูง ก็มักจะมีความคาดหวังสูงในระดับ ideal...จนบางครั้ง มักจะถ่ายทอดความต้องการของตัวเองได้คลุมเครือ

แต่สำหรับทีมงานระดับปฏิบัติการ...เมื่อฟังแล้ว ก็จะงงๆ ว่า...ตกลงจะให้ทำอะไรบ้างล่ะเนี่ย?

เพราะฉะนั้น...นี่จึงเป็นหน้าที่สำคัญของผู้บริหารระดับกลาง...ที่จะแปลงนโยบายให้เป็นแผนปฏิบัติการให้ทีมงานไปลงมือทำงานได้จริง

...ใครที่ทำหน้าที่นี้ได้ดี จึง "ได้ใจ" เจ้านาย และเป็น "ขวัญใจ" น้องๆ...ไงล่ะครับ...

#NoteToSelf: 

  • ถ้าเมื่อใดที่มีการเจรจาระหว่างคนสองคนที่มีความแตกต่างกันมาก...เราก็มักจะนึกถึง "คนกลาง"...และคนกลางที่ว่า ก็คือ Middle Management นั่นเอง
  • นั่นไง...มันจึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไม คนที่รู้ใจ "ฟ้า" และเข้าใจ "ดิน"...จึงเป็นคนที่มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่นๆ
  • จงจำไว้ว่า...เมื่อต่ำต้อยต้องอ่าน "ฟ้า"...เมื่อเติบกล้าต้องห่วง "ดิน"

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...