Post#4-244:
มื้อค่ำที่ผ่านมา ผมได้รับเชิญไป Business Dinner กับ Vendor รายหนึ่ง...เพื่อจุดประสงค์ในการหารือข้อธุรกิจ บวกกับเป็นการกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้น
แม้ว่าชาวต่างชาติจะทำอะไร ก็จะอิงสัญญาเป็นหลักก็ตาม...แต่ก็ใช่ว่า พวกเค้าจะละเลยเรื่องความสัมพันธ์ส่วนบุคคลไปเสียทีเดียว
ยิ่งโดยเฉพาะชาวต่างชาติที่ทำธุรกิจกับชาวเอเชียมานาน...จะรู้ดีเลยว่า ชาวเอเชียเชื่อใน Gentleman Agreement เป็นเรื่องสำคัญกว่าสัญญาอื่นใด
และถ้าจะให้ต่างฝ่ายต่างเชื่อมั่นใน Gentleman Agreement ได้...จึงต้องเชื่อมั่นในกันและกันเสียก่อน
...
ในการทำธุรกิจในเอเชีย...เราจึงไม่อาจแยกเรื่อง Know Who ออกจาก Know How ได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
เรียกว่า "เก่งงาน" ไม่พอ...ต้อง "เก่งคน" ไปพร้อมๆ กันด้วย
เมื่อความเชื่อมั่นระหว่างกันบังเกิด...ความรู้สึกในการอยากจะเกื้อกูลและถ้อยทีถ้อยอาศัย ก็จะเกิดขึ้นตามมา
นี่เอง...จึงทำให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างมิตร ไม่ใช่จ้องแต่จะกางสัญญาหาข้อผิดพลาดของอีกฝ่ายร่ำไป
...
เราเองก็สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการสร้างสัมพันธภาพระหว่างกันได้...จากวิธีการที่ผมแชร์มาข้างต้น
ก่อนตกลงทำอะไรร่วมกัน จึงต้องชัดเจนด้วยตัวสัญญา...
ทั้งนี้ เพราะสัญญาต่างๆ มักทำขึ้นตอนที่รักกัน...และต้องจำไว้ว่า สัญญาฉบับเดียวกันนี่เอง ที่จะถูกนำขึ้นมาใช้ตอนเกลียดกัน
...
ก่อนจะถึงจุดต้องแตกหักในความสัมพันธ์ทางธุรกิจ...ต่างฝ่ายต่างต้องช่วยกันหาทางแก้ไขข้อขัดข้องของแต่ละฝ่ายเสียก่อน
หากพยายามจนถึงที่สุดแล้ว...ถ้าถึงจุดที่ไปต่อไม่ได้จริงๆ...ต่างฝ่ายต่างก็จะรู้ได้เอง
...ตอนจะร่วมมือกัน ต้องผูกพันกันด้วยสัญญาที่รัดกุม และมิตรภาพที่แน่นแฟ้น...ส่วนวันที่แยกทางกัน ยิ่งควรทำให้เป็นการจากกันอย่างมิตร มิใช่ศัตรูครับ...
#NoteToSelf:
- สำหรับมิตร...สัญญามีไว้เตือนความจำ แต่สำหรับศัตรู...สัญญามีไว้เอาชนะคะคานกัน
- Gentleman Agreement เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม...แต่ Legal Agreement เป็นสิ่งที่ไม่อาจละเลย
- ตกลงเรื่องร้ายๆ ในระหว่างวันที่ดี...ดีกว่าไปทะเลาะกันในวันที่น้ำผึ้งขม
Comments
Post a Comment