Post#4-260:
ด้วยความที่ผมต้องมี Business Lunch หรือ Business Dinner กับชาวต่างชาติอยู่เป็นประจำ...ผมจึงจำเป็นต้อง "ช่างคุย" เป็นพิเศษ
โชคดีที่โดยปกติผมก็เป็นคนช่างพูดช่างคุยอยู่แล้ว...จึงไม่ได้รู้สึกลำบากมากนักที่จะต้องเป็นฝ่ายชวนคุย เว้นก็แต่เรื่องภาษา ที่บางครั้งก็อาจจะติดๆ ขัดๆ บ้าง
น้องๆ และเพื่อนๆ หลายคน ก็เคยถามผม ว่าแล้วเรื่องหรือหัวข้อสนทนาที่ควรนำไปพูดคุยล่ะ...ควรคุยหรือไม่ควรคุยเรื่องอะไรบ้าง?
อืมมม...เรื่องนี้สรุปเป็นกฎตายตัว คงลำบากครับ
...
ส่วนตัวแล้ว ผมว่าคงต้องดูหลายๆ ปัจจัย เช่น อีกฝ่ายเป็นหญิงหรือชาย, เป็นคนสัญชาติไหน, เราสนิทกับอีกฝ่ายระดับไหน, ฝ่ายนั้นมากี่คน, ฝ่ายเรามากี่คน, คุยกันที่ประเทศไหน, สถานการณ์ด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ณ ประเทศที่คุยกันเป็นยังไง, ฝ่ายนั้นคุ้นเคยกับประเทศของเรามากน้อยแค่ไหน, เรารู้จักประเทศของอีกฝ่ายมากน้อยเพียงไร, ฯลฯ
เอาเป็นว่าปัจจัยร้อยแปดพันประการที่ต้องประเมินก่อนเลือกเรื่องที่จะคุย...ก็แล้วกันนะครับ
หลังพูดคุยทักทายเบื้องต้นแล้ว...กว้างๆ เลยก็ควรคุยเรื่องสัพเพเหระ, ดินฟ้าอากาศ, เหตุการณ์ระดับ Global ที่กำลังเป็นจุดสนใจ...ประมาณนี้
ถ้าอีกฝ่ายช่างคุย เราก็ควรปล่อยให้เค้าแสดงความคิดเห็นไป...เราก็คอยเสริมแล้วก็เปิดประเด็นให้เค้าพูดต่อ และต้องไม่ลืมแทรกความเห็นของเราตามจังหวะ
ถ้าอีกฝ่ายเป็นพวกพูดน้อย, เราก็ควรหาเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับประเทศของเรา หรือสอบถามเกี่ยวกับประเทศของเค้า...แต่จงเล่าหรือถามในประเด็นที่คิดว่าเค้าน่าจะสนใจหรือคิดว่าเค้าน่าจะตอบได้ เท่านั้น
ถ้าเค้าวกกลับมาเรื่องงานที่กำลังทำร่วมกัน...อันนี้ง่ายแล้วครับ ก็คุยไปตามเนื้อผ้า และต้องไม่ลืมว่า เอาเรื่องที่คุยยากที่สุดไว้เป็นประเด็นหลังสุด
ถ้าเริ่มต้นด้วยเรื่องยากสุด แล้วตกลงกันไม่ได้...รับรอง Lunch หรือ Dinner มื้อนั้น จะกร่อยอย่างบอกไม่ถูก และมักจบลงด้วยความรู้สึกไม่ดีต่อกันด้วย
...
มารยาทสำคัญที่ควรรู้ก็คือ ไม่ควรถามเรื่องส่วนตัว ถ้าอีกฝ่ายไม่เริ่มก่อน, ไม่ควรใช้โทรศัพท์ หรือหากจำเป็นก็ขออนุญาตก่อน และไม่ควรคุยนาน, ต้องสบตาและแสดงอาการว่าฟังอีกฝ่ายพูดอยู่, ฯลฯ
ส่วนคำถามว่า ใครควรจะเป็นผู้จ่ายค่าอาหาร, เรื่องนี้ ก็แล้วแต่ความเหมาะสมครับ...ซึ่งปกติ คนเชิญควรเป็นคนต้องจ่าย หรือฝ่ายที่เป็นผู้ได้รับประโยชน์ มักเป็นคนต้องจ่าย
และประเด็นสุดท้าย ก็คือ...แล้วควรจบมื้อตอนไหน?
ก็ถ้ารู้ว่ามีเวลาจำกัด ควรจัดเป็น Lunch ครับ...ส่วน Dinner นั้น ควรจัดเป็น Course ซึ่งเราจะควบคุมเวลาและงบประมาณได้ดีกว่า
ถ้าเราเป็น Host, หลังเสิร์ฟของหวาน...ก็ควรสอบถามเลย ว่าใครจะรับชาหรือกาแฟอีกมั๊ย
หลังจิบชาหรือกาแฟแล้ว...เราก็ควรทวนประเด็นที่สรุปกันไป เพื่อให้เข้าใจตรงกัน...หลังจากนั้น ก็ได้เวลาร่ำลาครับ
ดังนั้น มันจึงสำคัญมากที่เราควรต้องประเมินอีกฝ่าย ก่อนจะเชิญมา Business Lunch หรือ Dinner
...และจงจำไว้ ว่าถ้าไม่มั่นใจว่าผลลัพธ์ของการสนทนาจะออกมาดี อย่าจัด dining โดยเด็ดขาดครับ...
#NoteToSelf:
- การเตรียมความพร้อมก่อนเชิญอีกฝ่ายมา dining, นอกจากจะแสดงให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าตัวเองสำคัญแล้ว ยังเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งว่าเราใส่ใจกับรายละเอียดปลีกย่อยเพียงใดด้วย
- แม้ว่าหัวข้อสนทนาบางข้อจะเป็นเรื่องสำคัญระดับคอขาดบาดตาย แต่เมื่อมาอยู่ในวงสนทนาตอน Dining, เราก็ควรจะคุยแบบสบายๆ ไม่เคร่งเครียดจนเกินไป
- การคุยเรื่องสัพเพเหระหรือแทรกอารมณ์ขันให้ถูกจังหวะ อาจสามารถพลิกสถานการณ์และบรรยากาศได้เป็นอย่างดี
- และถ้าเป็นไปได้...อย่าจบมื้อ ด้วยการทำให้อีกฝ่ายมีความรู้สึก "ลบ" เป็นอันขาด
Comments
Post a Comment