Skip to main content

Post#4-266: วุ่นวายกับเรื่อง "คน"

Post#4-266:
ช่วงนี้ผมกำลังวุ่นวายกับการปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อให้สะท้อนกับปริมาณงานและขนาดของธุรกิจ

ยอมรับเลยครับ...ว่าเป็นงานที่ชวนปวดหัวไม่ใช่เล่น

งานอะไรก็ตามที่ต้องไปเกี่ยวพันกับเรื่อง "อัตรากำลังคน" นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่อง "ไม่ง่าย" เลย...

เหตุก็เพราะ "คน" เป็น "ทรัพยากร" ที่สำคัญขององค์กร ซึ่งเราไม่อาจลงทุนแบบมั่วๆ ได้

...

ในขณะที่การหาคนให้เหมาะกับงานขององค์กรว่ายากแล้ว

งานที่ยากยิ่งกว่า ก็คือการรักษาคนให้อยู่กับองค์กร

และยากขึ้นไปอีกขั้นก็คือ การพัฒนาศักยภาพของคนในองค์กรให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

มันอันตรายอย่างยิ่ง...หากคนในองค์กรเป็นพวก "ทนอยู่" แทนที่จะเป็น "อยู่ทน"

...

พวก "ทนอยู่" คือพวกนับวันรอ...มีงานใหม่ที่ดีกว่า รับรองว่าพวกนี้จะไม่ลังเลที่จะทิ้งองค์กร

...หรือไม่ก็ขอเก็บเกี่ยววิชาจากองค์กรอีกนิด เมื่อพร้อมแล้วก็จะไปแน่ๆ

ส่วนพวก "อยู่ทน" แบ่งได้เป็นอีก 2 พวกย่อย คือ อยู่ทนเพราะเป็น Dead Wood 

...กับอยู่ทนเพราะผ่านร้อนผ่านหนาวกับองค์กรมาจนคิดว่าองค์กรเป็นบ้านที่สอง

ทุกคนไม่ว่าจะเป็นฝั่งนายจ้างหรือลูกจ้าง ล้วนอยากให้มีพวกสุดท้ายและเป็นพวกสุดท้าย

แต่ไม่ใช่ทุกองค์กรและทุกคนที่จะโชคดีเช่นนั้น

...

ดังนั้น การที่จะมีโอกาสได้คนที่จงรักภักดีและสร้างคุณค่าให้กับองค์กร...จึงเป็นเรื่องไม่ง่ายเอาเสียเลย

หากจะปลูกต้นไม้ให้เติบโตอย่างงดงาม เราจำต้องเริ่มตั้งแต่การคัดพันธุ์ไปถึงการบ่มเพาะ ซึ่งจะต้องทำอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และต้องเป็นจริงเป็นจัง

แต่กับการบ่มเพาะบุคลากร...มันเป็นเรื่องยากกว่านั้นมาก เพราะ "คน" มีชีวิต, มีจิตใจ และมีเจตจำนงเป็นของตัวเอง

...เมื่อเราไต่เต้าไปจนถึงระดับบริหาร...เราจะเข้าใจและยอมรับว่า การจัดการเรื่อง "คน" เป็นเรื่องที่ยากและซับซ้อนกว่าการจัดการเรื่อง "งาน"...

#NoteToSelf: 

  • จริงแท้...ที่ว่ากันว่า "มากคนก็มากความ"
  • เวลาตัดสินใจใดๆ แม้ว่าจะต้องคำนึงถึงคนส่วนใหญ่ เป็นหลัก...แต่ก็ต้องหาทางออกให้กับคนส่วนน้อยด้วย
  • ผู้บริหารต้องบริหาร "คน", "เงิน" และ "เวลา" อันเป็นทรัพยากรที่ล้ำค่าที่สุดของทุกๆ องค์กร

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...