Post#4-251:
อย่างที่ผมเคยชวนคุยไว้หลายครั้งนั่นล่ะครับ...ว่าคนเราไม่มีทางรู้ได้เลย ว่าพรุ่งนี้กับชาติหน้า เวลาไหนจะมาถึงก่อน?
เรามักจะคิดว่า พรุ่งนี้เราจะมีโอกาสได้ลืมตาตื่นขึ้นในตอนเช้า หรือพรุ่งนี้เราค่อยลงมือทำก็ได้นี่นา
โชคดีที่ส่วนใหญ่...เราอาจจะยังมีพรุ่งนี้ได้หลายๆ วัน แต่จริงๆ แล้ว อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เราหรือคนที่เรารักอาจจะจากไปโดยไม่มีวันกลับ...อีกเลยก็ได้
...
ก็เพราะเวลาปัจจุบันนั้นมีค่ามากนัก...ปราชญ์ทั้งหลายจึงพร่ำบอกและคอยสอนให้เรารู้คุณค่าของ "ปัจจุบัน"
ถึงกับมีคำกล่าวแบบแดกดันและเตือนสติไว้ว่า "Tomorrow never comes." ซึ่งแปลตรงๆ ว่า "พรุ่งนี้ไม่มีวันจะมาถึง"
เพราะเมื่อพรุ่งนี้มาถึง...มันก็กลายเป็นวันนี้ แล้วเราก็จะรอวันพรุ่งนี้ไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้จบรู้สิ้น
จากวันเป็นสัปดาห์...จากสัปดาห์เป็นเดือน...และจากเดือนเป็นปี...
ลงท้าย การที่เรามัวแต่คิดว่า "ไม่เป็นไรหรอก พรุ่งนี้ค่อยทำก็ได้"...จึงกลายเป็นว่า เราสูญเสียเวลาที่เรียกคืนไปไม่ได้อย่างน่าเสียดาย
...
เราอาจมั่นใจว่า พรุ่งนี้เราจะมีโอกาสลืมตาตื่นขึ้น...สัปดาห์หน้าก็น่าจะใช่...แต่ต่อจากนั้นล่ะครับ?
ก็เพราะเราไม่อาจมั่นใจได้นั่นไง ว่าเราจะมี "พรุ่งนี้" ได้กี่วัน...เราจึงไม่ควรและไม่อาจรั้งรอ หรือผัดวันประกันพรุ่ง ได้บ่อยๆ
คุณวินทร์ เลียววาริณ...นักเขียนในดวงใจของผม เคยเขียนหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งชื่อเรื่องโดนใจและสอนใจผมหนักหนา
หนังสือนั้นชื่อว่า "วันแรกของวันที่เหลือ"
...
ถ้าเราคิดว่า ทุกๆ วันเป็นวันแรกของวันที่เหลืออยู่...เราจะรู้สึกว่า เวลาจะมีค่ามากขึ้น
ดังนั้น เมื่อจะลงมือทำอะไร...จงอย่ามัวคิดว่า เรามีเวลาอยู่อย่างเหลือเฟือ
...เพราะจริงๆ อีกไม่นานจากนี้...เราอาจไม่มีพรุ่งนี้เหลืออยู่ก็เป็นได้...
#NoteToSelf:
- เวลาทีละน้อยที่ปล่อยไหล...รวมกันไปเป็นสายธารที่สูญเสีย
- พรุ่งนี้ไม่มีวันมาถึง...สำหรับคนไม่รู้ค่าของเวลา
- วันแรกของวันที่เหลือ...เริ่มตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ
Comments
Post a Comment