Skip to main content

Post#2-3: เอาชนะใจ

Post#2-3:
คำถามยอดฮิตคำถามหนึ่งที่ผมโดนถามบ่อยๆ ก็คือ เราจะเอาชนะใจนายหรือลูกน้องได้ด้วยวิธีไหน?

สารภาพตรงๆ เลยครับ ผมเองก็ตอบแบบฟันธงไม่ได้ อยากจะสรุปว่าไม่น่าจะมีสูตรสำเร็จของคำตอบซะด้วยซ้ำ

แต่แล้ว ก็ให้บังเอิญที่ผมไปเจอวาทะหนึ่งเข้า และยอมรับว่า ตอบคำถามข้างต้นได้ค่อนข้างดียิ่ง

เค้าว่าไว้อย่างนี้ครับ...

"พึงชนะผู้น้อยด้วยการให้ พึงชนะผู้ใหญ่ด้วยความอ่อนโยน"

วาทะนี้ ต้องอาศัยการตีความอยู่บ้างครับ และแม้ว่าแต่ละคนจะมีการตีความที่ต่างกันไป ผมก็จะขอตีความในแบบของผมให้คิดตามกันเล่นๆ นะครับ

ถ้าเราเป็นผู้ใหญ่...

การให้ในที่นี้ กินความหมายกว้างมากครับ ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งว่า สำหรับลูกน้อง หรือผู้มีอาวุโส (ไม่ว่าจะวัยวุฒิหรือคุณวุฒิน้อยกว่า) เราก็ควรจะ "ให้"

ให้อะไรบ้างน่ะหรือครับ...ให้โอกาสก็ใช่ ให้อภัยก็จำเป็น ให้ความช่วยเหลือก็เป็นเรื่องดี และให้กำลังใจนี่ก็ขาดไม่ได้

ถ้าเราเป็นผู้น้อย...

การเอาชนะใจนาย หรือผู้มีอาวุโสมากกว่า เราก็ควรจะใช้จุดแข็งของความเป็นคนไทย นั่นก็คือ ความอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นตัวนำ

ขึ้นชื่อว่า "ผู้ใหญ่" มักไม่ชอบถูกหักหน้า และมี ego สูงเป็นทุนเดิม ดังนั้น จะเข้าผู้ใหญ่ ก็ต้องอาศัยความอ่อนน้อม เคารพนบไหว้เป็นหลัก ผู้ใหญ่ท่านจะได้เอ็นดู

อย่าไปอวดดี, อวดเก่ง, จองหอง หรือไปก้าวล่วงท่าน จนกลายเป็นภัยกับตัวเองเลยครับ

แม้ว่าการเห็นต่างจากท่านจะไม่ใช่เรื่องผิด แต่การแสดงออกถึงความเห็นต่างของเราต่างหาก ที่อาจจะผิด ซึ่งจุดนี้ล่ะครับ ที่ผู้น้อยควรระมัดระวัง

...

นอกเหนือไปจากนี้ ยังต้องดูบริบทแวดล้อมต่างๆ อีกมาก จึงจะช่วยให้เราวิเคราะห์และหาวิธีเอาชนะใจนายหรือลูกน้องได้

สิ่งนี้ถือเป็นความท้าทายอันยิ่งใหญ่ของการบริหารลูกน้องและบริหารนายครับ -_-'


cr: facebook/darmaforyou

Comments

Popular posts from this blog

Post#355: ทำได้ vs ทำเป็น

Post#355: ส่วนใหญ่แล้ว เรามักแยกแยะไม่ค่อยถูกว่า ระหว่าง "ทำได้" กับ "ทำเป็น" น่ะคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน "ทำได้" แปลว่า ทำได้ ขอให้แค่เสร็จๆ ไป ไม่ต้องสนใจว่างานออกมาดีมั๊ย ส่วน "ทำเป็น" แปลว่า ไม่ใช่แค่สักแต่ลงมือทำ แต่ต้องทำให้ได้ดีด้วย ถ้ายังงงๆ ผมจะยกตัวอย่างเพิ่มให้นะครับ คนที่ขับรถได้ มีความสามารถในการทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แต่อาจจะเป็นพวกที่ขับรถแบบไร้มารยาท, ขับรถอันตราย หรือขับรถเห็นแก่ตัว, ฯลฯ ส่วนคนที่ขับรถเป็นนั้น นอกจากสามารถบังคับให้รถเคลื่อนที่ได้แล้ว ยังใส่ใจคนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย เรียกว่าขับรถอย่างมีคุณภาพและคุณธรรม ^^ ตีกอล์ฟได้ก็คือเหวี่ยงไม้ให้ลูกกอล์ฟไปข้างหน้า แต่ตีกอล์ฟเป็น นอกจากเหวี่ยงไม้ให้ลูกไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องใส่ใจคนที่เล่นกอล์ฟอยู่รอบๆ ทั้งก๊วนเรา ทั้งต่างก๊วนด้วย พอเห็นความต่างชัดขึ้นมั๊ยครับ? ขับรถได้จึงต่างจากขับรถเป็น, เล่นกอล์ฟได้จึงต่างจากเล่นกอล์ฟเป็น ฉะนี้ ดังนั้น "ทำงานได้ " กับ "ทำงานเป็น" นั้น คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันแน่ๆ เอ...หรือว่าผมก็แค่ "โพสต์ได้...

Post#2-227: Corrective Action vs Preventive Action

Post#2-227: วันนี้ผมมีโอกาสดีได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง หลักใหญ่ใจความสำคัญของการประชุมก็คือการติดตามยอดขายของสินค้าสำคัญบางรายการ ซึ่งขายช้ากว่าปกติ ภาพหนึ่งที่สามารถใช้ประเมินความแข็งแกร่งขององค์กร ก็มักจะถูกสะท้อนผ่านการประชุมไล่ยอดขายนี่แหละครับ เพราะยอดขายถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กรที่แสวงหาผลกำไรทั้งปวง เมื่อไล่ยอดขายครั้งใด ก็มักจะพบสาเหตุของปัญหา และจะสามารถประเมินระดับขององค์กรและผู้บริหารได้จากวิธีการ response ต่อปัญหาที่พบ บางองค์กรเก่งในการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บางครั้งกลับไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และมีอีกหลายองค์กรที่ชวนคุยเรื่องการวางแผนป้องกันไฟไหม้ แทนที่จะหาวิธีดับไฟที่กำลังไหม้องค์กรอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่ลำดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหา มักจะส่งผลเสียมากกว่าที่จะประเมินได้ ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจึงต้องจัดการกับไฟที่ไหม้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาวางแผนป้องกันไฟไหม้ ซึ่งปีก่อนผมก็พูดถึงเรื่องนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว (Post#224) และแน่นอนว่า ไม่ใช่เก่งแต่การดับไฟตะพึดตะพือ หากต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ซ้ำๆ ซากๆ ด้วย หาไ...

Post#5-114: เพื่อนแท้ดีๆ คือเพื่อนดีแท้ๆ

Post#5-114: ค่ำนี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่เคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน อยู่พักใหญ่ๆ เอาจริงๆ ผมตกเป็นหนี้เพื่อนคนนี้ไม่น้อย ... เพราะเค้าคือคนที่ถ่ายทอดวิชาหลากหลายที่ผมนำมาใช้ต่อยอดในการบริหารงาน จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเจอกันไม่บ่อย ... แต่ทุกครั้งที่เราได้เจอกัน ผมก็มักจะได้ idea ที่ดีๆ จากเพื่อนคนนี้ ไปต่อฝันปั้นงาน ได้ทุกที ... เอาจริงๆ เวลาได้ idea ใหม่ๆ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจใหม่ หรือวิธีทำงานแบบใหม่ ... ผมจะดีใจมากเป็นพิเศษ แม้ว่า idea ที่ว่า จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ... แต่ที่สำคัญ มันทำให้สมองของเราได้โลดแล่นออกจาก Comfort Zone เดิมได้ เมื่อได้ออกจาก Comfort Zone เดิมๆ ... มันจึงเป็นเรื่องดีสำหรับชีวิต เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่เพิ่มขึ้น ... เรื่องใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้เพิ่มขึ้นนั้น แม้จะยังไม่อาจเกิดเป็นรูปเป็นร่าง หรือเป็นประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ได้ ... ก็อย่าได้ดูแคลนไปครับ บ่อยครั้ง ผมพบว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเรียนรู้มานานพอควรแล้ว กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ ...